เมื่อเวลา17.00นวันที่ 17 สิงหาคม67 ศูนย์วิทยุศรีเมือง งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลนครอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุไฟไหม้โรงแรมพาราไดซ์ ซอยวัดโพธิวราราม เทศบาลนครอุดรธานี หลังรับแจ้งเหตุ พ.ต.อ.อารี สินธุรา รองนายกเทศบาลนครอุดรธานี ได้สั่งการให้เจ้าหน้าดับเพลิง นำรถดับเพลิงจำนวน 5 คัน เข้าระงับเหตุ โดยมี พ.ต.ท.ศิริชัย โพธิจักร รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี,ร.ต.อ.วิฆเนศ ซื่อตรง รอง สวป. สภ.เมืองอุดรธานี นำกำลังสายตรวจ 191 และอาสากู้ภัยมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถาน เข้าสนับสนุน โดยลูกค้าและพนักงานโรงแรม ต้องวิ่งหนีตายออกจากโรมแรมกันจ้าละหวั่น
ต้นเพลิงอยู่บริเวณชั้น 2 เป็นห้องเก็บของในออฟฟิศของของโรงแรม พบกลุ่มควันจำนวนมากพวยพุ่งออกมาจำนวนมาก มีนายเสกสรร พิมพาเกิด อายุ 36 ปี ช่างประจำโรงแรม ผู้พบเห็นต้นเพลิงคนแรก ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ และนำเส้นทางขึ้นไปยังต้นเพลิง ก่อนพาเจ้าหน้าที่เข้าไปตัดกระแสไฟฟ้า ชุดแรกปีนบันไดขึ้นชั้น 2 ไปยังห้องต้นเพลิง งัดหน้าต่างเข้าไปฉีดน้ำดับเพลิง พบว่าไฟได้ลุกลามไปยังห้องออฟฟิศ 3 ห้อง สามารถควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัด แต่ยังคงมีควันเป็นจำนวนมาก จึงนำเครื่องดูดควันเข้าสนับสนัน 2 เครื่อง และขึ้นไปเปิดหน้าต่างที่ชั้น 4 เพื่อระบายควัน ใช้เวลางประมาณ 1 ชั่วโมงจึงควบคุมสถานการณ์ไว้ได้
นายเสกสรรฯ ช่างประจำโรงแรม เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเข้าไปซ่อมคอมพิวเตอร์ในออฟฟิศ จากนั้นตนเริ่มได้กลิ่นเหม็นไหม้ในออฟฟิศ ตนก็เริ่มตามหาต้นตอของกลิ่น แต่ก็ยังไม่พบ เมื่อเข้าไปตรวจดูที่ห้องเก็บของ ก็เห็นกลุ่มควันที่ตู้เย็นในห้อง ตนจึงรีบมาเอาถังดับเพลิงมาทำการดับที่ตู้เย็น ตามที่ได้อบรมมา เมื่อควันเริ่มจางลง ตนก็ได้เปิดตู้เย็นดูอีกครั้ง จากนั้นก็มีไฟและควันพุ่งออกมาจำนวนมากอีกครั้ง จนไม่สามารถควบคุมได้
“ในครั้งแรกที่ตนเดินลงมาเอาถังดับเพลิง ตนบอกให้พนักงานฟร้อนโทรแจ้งเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือแล้ว แต่ระหว่างที่ขึ้นไปดับไฟรอบสอง ตนก็รออยู่นาน เขายังคงช้าเอ้อระเหย คงคิดว่าไฟไหม้เล็กน้อย คงคิดว่าตนจะดับได้ เมื่อควันเริ่มเยอะขึ้น ไฟเริ่มลุกลามตนจึงรีบหนีลงมา พนักงานคนอื่นก็กดสัญญาณเตือนลูกค้าให้อพยพหนีออกจากอาคาร ตู้เย็นที่เป็นต้นเพลิงเป็นตู้เย็นเก่า ตนคิดว่าเกิดจากคอมเพสเซอแอร์ที่ทำงานหนัก ตนระวังอยู่ตลอด เพราะเวลาเลิกงานตนจะถอดปลั๊กตู้เย็น และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นทุกครั้ง”
พ.ต.ท.ศิริชัย โพธิจักร รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า เบื้องต้นยังไม่สามารถระบุได้ว่าเกิดจากสาเหตุใด มูลค่าความเสียหายเท่าไหร่ จะต้องทำการสอบปากคำผู้อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดอีกครั้ง และให้ตำรวจพิสูจน์จะเข้าตรวจสอบพื้นที่อย่างละเอียดครั้ง เพื่อหาสาเหตุในการเกิดเพลิงไหม้ และตรวจสอบมูลค่าความเสียหาย เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
