หนุ่มก่อสร้างขี้เหงาปิ๊งสาวพยาบาลในแอพหาคู่นัดเดตแรกที่รีสอร์ทตื่นมาทองหนัก 3 บาทหาย
เมื่อเวลา 10.19 วันที่ 23 กรกฎาคม ร.ต.อ.ประวิทย์ อิ่มใจ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งจากนายดิถดนัย ทาคำห่อ อายุ 18 ปี ชาว อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด ว่า โดนสาวที่รู้จักกันผ่านแอพหาคู่ และพูดคุยกันทางไลน์ ชวนมานอนที่รีสอร์ทใน จ.อุดรธานี พอตื่นขึ้นมาปรากฏว่า สร้อยคอทองคำหนัก 3 บาทหายไปพร้อมกับสาวที่นัดมาพบกัน เหตุเกิดวันที่ 11 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
นายดิถดนัย ให้การว่า ตนมาทำงานก่อสร้างกับน้าที่ ต.โคกสะอาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ประมาณ 3-4 เดือน จึงรู้สึกเหงาจึงได้เข้าไปในแอพหาคู่ ทำให้ได้รู้จักกับ น.ส.เซียส ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง อ้างว่าเป็นพยาบาล อยู่ จ.ขอนแก่น ซึ่งรูปโปรไฟล์ก็สวมชุดพยาบาล หน้าตาสวย จึงได้พูดคุยจีบกันทางไลน์ ประมาณ 1 เดือน ต่อมาวันที่ 11 ก.ค. น.ส.เซียส ได้นัดพบตนที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งบริเวณสี่แยกเขื่อนห้วยหลวง ต.นิคมสงเคราะห์ อ.เมือง จ.อุดรธานี หลังเลิกงานตนก็ไปพบตามนัด ก็ได้พบกับ น.ส.เซียส ซึ่งสวยตรงปก บอกว่ามากับแม่และน้องชาย และได้เปิดห้องพักไว้ 3 ห้อง
นายดิถดนัย ให้การต่อไปอีกว่า หลังพูดคุยกันเสร็จก็ได้เข้าไปคุยกันต่อในห้อง ต่อมา น.ส.เซียสได้ขอตัวออกไปทำธุระกับแม่และน้องชาย ส่วนตนก็เล่นอยู่ในห้องรอ ต่อมาตนเดินออกมาเล่นนอกห้อง พร้อมกับได้ล็อคประตู้ห้องพักไว้ พอจะเข้าไปในห้อง ก็พบว่าตนเอากุญแจผิดห้อง กลายเป็นกุญแจห้องน้องชาย น.ส.เซียส ตนจึงโทรไปบอก น.ส.เซียส ว่าลืมกุญแจในห้อง และกระเป๋าสะพายตนอยู่ในห้อง ซึ่งมีสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท 1 เส้น และเอกสารทางราชการอยู่ในกระเป๋า น.ส.เซียสบอกว่าได้โทรติดต่อเจ้าของรีสอร์ตให้มาเปิดห้องให้ตน และเจ้าของรีสอร์ตจะเข้ามาวันพรุ่งนี้ จึงให้ตนนอนรอที่ห้องพักน้องชาย กลับมาแล้วจะเรียก ตนจึงนอนรอในห้องน้องชายแล้วเผลอหลับไป
นายดิถดนัย ให้การต่อไปว่า ตนมารู้สึกตัวตื่นเวลา 04.00 น วันที่ 12 ก.ค.จึงโทรหา น.ส.เซียส ก็บอกว่าได้กลับเข้ามารีสอร์ทแล้ว และได้ไปเปิดห้องพักและเก็บสร้อยคอทองคำไว้ให้แล้ว แต่ตอนนี้ ได้ออกไปทำธุระกับแม่และน้องชายไม่ต้องห่วง ตนจึงไปสอบถามพนักงานรีสอร์ท ทราบว่า น.ส.เซียสมาเปิดห้องพัก 2 ห้อง ไม่ใช่ 3 ห้องดังที่กล่าวอ้าง ตนจึงกลับไปทำงาน แต่ก็พยายามโทรติดต่อ น.ส.เซียส ให้นำสร้อยคอทองคำของตนมาคืน แต่ น.ส.เซียสก็บ่ายเบี่ยงอยู่ตลอดเวลา บอกว่าไปทำธุระบ้าง ไปต่างจังหวัดบ้าง หรือขึ้นเวรบ้าง สุดท้ายก็บอกว่าสร้อยคอทองคำอยู่กับแม่ ตนจึงขอเบอร์โทรแม่ น.ส.เซียสได้ส่งเบอร์โทรมา
นายดิถดนัย ให้การต่อไปว่า ตนได้โทรติดต่อกับแม่ น.ส.เซียส ชื่อว่าแม่นาง เพื่อขอสร้อยคืน แม่นางก็บอกว่าสร้อยอยู่กับแม่ แต่ยังกลับอุดรไม่ได้ เพราะว่า น.ส.เซียส เกิดอุบัติเหตุที่ขอนแก่น เข้ารักษาตัวที่ รพ.กรุงเทพ มีอาการเลือดคลั่งในสมอง ส่งรูปคนป่วยนอนอยู่บนเตียงมาให้ดูด้วย ตนก็ให้กำลังใจ กระทั่งบอกว่าอาการปลอดภัย แต่ก็ยังไม่คืนสร้อยคอตน และบ่ายเบี่ยงที่จะเอาสร้อยมาคืนตลอด โทรไปก็ไม่รับสาย กระทั่งวันนี้ ตนจึงตัดสินใจมาแจ้งความกับตำรวจติดตาม น.ส.เซียส ให้นำสร้อยทองมาคืนตนด้วย
“ฝากถึง น.ส.เซียส ให้นำสร้อยทองมาคืน เพราะเป็นสร้อยทองที่ผมทำงานแล้วเก็บหอมรอมริบมาซื้อเก็บไว้ ตั้งแต่ทองคำบาทละ 3 หมื่นบาท เป็นน้ำพักน้ำแรงของผม ไม่ใช้ทรัพย์สินของคุณ”
หลังจากนั้น จนท.ตำรวจจึงลงบันทึกประจำวันไว้ และจะทำการติดต่อ น.ส.เซียสให้นำสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท มาคืนนายดิถดนัย ต่อไป