อุดรธานี – จับอดีตสามีหลอนยาจับลูกโยนเข้ากองไฟบูชายัญโชคดีแม่ช่วยได้ทันอ้างแค่คิดถึงจึงอุ้มลูกออกมา

จับอดีตสามีหลอนยาจับลูกโยนเข้ากองไฟบูชายัญโชคดีแม่ช่วยได้ทันอ้างแค่คิดถึงจึงอุ้มลูกออกมา

เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 3 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวเดินทางไปบ้านเลขที่ 89 หมู่ 7 บ้านจำปา ต.หนองนาคำ อ.เมือง จ.อุดรธานี หลังจาก น.ส.อังษา เม้าราศรี อายุ 49 ปี เดินทางไปแจ้งความที่สภ.เมืองอุดรธานี เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ว่า นายประจักษ์ รินเพ็ง อดีตน้องเขยบุกมาใช้มีดดาบฟันกล้องวงจรปิด และเอากล้องวงจรปิดไปด้วย โดยตรวจดูเซิร์ฟเวอร์ ก็พบภาพนายประจักษ์ถือมีดาบมาฟันกล้องและเอากล้องไป ซึ่งมีภาพหลักดฐาน มาทำลายกล้อง ส่วนสาเหตุ เพราะเสพยาจนหลอน และโกรธที่ น.ส.จิตตรา เม้าราศี อายุ 37 ภรรยาและลูกสาววัย 12 ปี มาอาศัยอยู่บ้านพี่สาวหลังจากศาลสั่งให้หย่ากัน เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่าน

น.ส.อังษา เปิดเผยว่า ตนมีพี่น้องทั้งหมด 5 คน เป็นผู้หญิงทั้งหมด แต่งงานและสร้างบ้านอยู่ในบริเวณเดียวกัน พ่อแม่เสียชีวิตหมดแล้ว ตนซึ่งเป็นพี่สาวคนโตต้องได้ดูแลน้อง ๆ และก็มี น.ส.จิตรา น้องสาวได้แต่งงานกับนายประจักษ์ รินเพ็ง มาได้ 13 ปี มีลูกสาวอายุ 12 ปี ระยะแรกนายประจักษ์ทำงานก่อสร้าง และชอบดื่มเหล้า น.ส.จิตรา ฯ น้องสาวตนซึ่งเป็นเมียนายประจักษ์ฯ จึงหอบลูกหนีไปอยู่กรุงเทพฯ นายประจักษ์ไปตาม น.ส.จิตรากลับมาอยู่ด้วยกันสัญญาว่าจะเลิกเหล้า แต่หลังมาอยู่ด้วยกันไม่นานเลิกเหล้าได้แต่กลับไปติดยาบ้าอย่างหนัก ไม่ยอมทำงาน พอมีอาการหลอนก็จะทำร้ายเมีย น.ส.จิตราจึงฟ้องหย่า ศาลได้สั่งให้หย่าเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่นายประจักษ์ก็ยังกลับมารังควาน เมียกับลูกเป็นประจำ จนอยู่บ้านไม่ได้

“นายประจักษ์ เคยเข้ามางัดเหล็กดัดหน้าต่างห้องเมียและลูก เคยใช้มีดตัดหลังคาโรยตัวลงมาห้องครัว เพื่อจะเข้ามาหาลูกเมีย แถมยังทุบทำลายบ้านจนลูกเมียอยู่ไม่ได้ หนักสุดขณะลูกสาวนอนป่วยอยู่ในบ้าน นายประจักษ์ได้เข้ามาก่อกองไฟหน้าบ้าน แล้วเข้าไปอุ้มลูกออกมา จะโยนใส่กองไฟเพื่อบูชายันต์ แต่ น.ส.จิตรา ออกมาช่วยลูกไว้ได้ทัน นายประจักษ์ทำร้ายร่างกายภรรยา อาละวาดทุบทำลายข้าวของภายในบ้าน กระทั่งมาฟันกล้องวงจรปิด เมียเคยแจ้งความมาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 ที่มาทำลายกล้องวงจรปิดบ้านพี่สาวเมีย”

ส่วน น.ส.จิตตรา กล่าวว่า วันที่อดีตสามีจะเอาลูกสาวไปเผา เขาเข้ามาที่บ้านลักษณะคล้ายคนเมายา มาทวงถามเอาเงิน 2 แสนบาท เป็นค่าหย่าให้ ตนบอกว่าไม่มีเงิน จากนั้นก็ไปก่อกองไฟหน้าบ้าน ตนบอกลูกสาวให้เข้าไปหลบอยู่ในห้องนอน หากแม่ไม่ออกไปอดีตสามีก็จะพังบ้าน แต่พอตนออกไปนายประจักษ์ ก็เดินเข้าไปในอุ้มลูก บอกว่าจะเอาไปเผาบูชายัญ ตนก็รีบเข้าไปช่วยลูกสาวได้ทัน

“ส่วนเรื่องหย่ากันนั้น นายประจักษ์เรียกเงินค่าหย่า 2 แสนบาท ให้เป็นการจ้างหย่า ตนต้องดำเนินการเป็นฟ้องหย่าเอา ศาลตัดสินให้ตนเป็นคนดูแลบุตรผู้เดียวไม่ให้เขาเข้ามายุ่งเกี่ยวกับตนและลูกสาวอีก โดยนายประจักษ์ ติดยาเสพติดมานานแล้ว เคยพาเพื่อนมาเสพอยู่บ้าน ลูกสาวเห็นแล้วเล่าให้ตนฟัง ก็อยากให้ตำรวจนำตัวนายประจักษ์ไปดำเนินคดี เพราะเป็นภัยสังคม ตนกับลูกสาวจะได้ปลอดภัย”

ต่อมาเวลา 13.30 น.วันที่ 3 กรกฏาคม จนท.ตำรวจได้เดินทางมาพบ น.ส.อังษา และ น.ส.จิตตรา เพื่อสอบถาม ก่อนเดินทางไปพบนายประจักษ์ ฯ ที่บ้านเลขที่ 70 หมู่ 16 บ้านนาดอน ต.หนองนาคำ อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยนายประจักษ์เดินออกมาพบตำรวจแต่โดยดี จนท.ตำรวจได้ตรวจค้นร่างกายเพื่อหาอาวุธ และแจ้งข้อหาว่า “เสพยาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า ) โดยผิดกฎหมาย และเป็นภัยต่อสังคม” ก่อนควบคุมตัวไปสอบสวนที่ สภ.เมืองอุดรธานี

นายประจักษ์ ให้การว่า ตนไม่ได้เอาลูกสาวไปเผา ในวันนี้ตนไปลูกสาว แล้วอุ้มออกมาจากห้องนอน เห็นว่าไม่ยอมออกมาหาพ่อ ส่วนที่ไปฟันกล้องนั้น มีคนชื่อป้านก บอกให้ตนเอากล้องออกเพราะมีตาอะไรก็ไม่ทราบอยู่ที่ตัวกล้อง คนที่สั่งไม่สามารถเอาออกได้ ส่วนเงิน 2 แสนบาท ก็ไม่ได้ไปทวงอะไรกับอดีตกับภรรยา ส่วนบ้านที่สร้างอยู่กับอดีตภรรยาเป็นระยะ14 ปี เริ่มจากเสาบ้าน 6 ต้น แต่สุดท้ายก็มาโดนไล่หนีให้ออกจากบ้าน ส่วนลูกเมียก็ให้เขาอยู่ของเขา จะสร้างเวรสร้างกรรมอะไรก็แล้วแต่ ตนก็กลับมาบ้านตนเอง สร้างบุญญา บารมีเอาไว้ ในการช่วยพ่อแม่เท่านั้นเอง ยอมรับว่าเมื่อวานตนเสพยาบ้า ไป 1 เม็ด

นางเปลี่ยน อายุ 63 ปี แม่นายประจักษ์  กล่าวว่า รู้สึกตกใจที่ตำรวจมาที่บ้าน เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ตนไปแจ้งศูนย์ดำรงธรรม เพราะลูกชายไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ก่อนที่ฝ่ายความมั่นคง นำตัวลูกชายไปบำบัดรักษา ส่วนลูกชายจะเอาลูกสาวตัวเองไปเผานั้นตนคิดว่าอาจจะโมโหเมีย ที่มักจะไล่สามีหนี แต่ก็ไม่ได้ทำจริง อดีตลูกสะใภ้พูดเกินความจริง ส่วนเรื่องเงิน 2 แสนบาท ที่ลูกชายเรียกร้องเพราะหมดเงินไปเยอะที่ไปสร้างบ้านอยู่ด้วยกัน โดยได้เอาที่นาไปขาย 7 ไร่ ที่ดินอีก 3 ไร่ และที่สวนอีก 3 ไร่ สุดท้ายเมียก็ฟ้องหย่าไล่หนี ยอมรับว่าลูกชายติดยาเพสติดมาได้ 2-3 ปี ส่วนลูกชายจะกลับมาคืนดีกับภรรยา คงเป็นไม่ได้ เพราะมีการฟ้องกันไปแล้ว

ส่วนนายสงกรานต์ เยาวเลิศ อายุ 57 ปี ผญบ.บ้านนาดอน หมู่ 16 ต.หนองนาคำ  พ่อเลี้ยง นายประจักษ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าอดีตภรรยาของนายประจักษ์ทำไม่ถูกถึงขั้นฟ้องหย่ากัน เพราะนายประจักษ์ได้ขายที่นาไปหลายไร่ เพื่อนำเงินไปสร้างบ้านอยู่กับเมีย นายประจักษ์ขอเงิน 2 แสนบาท ในการหย่ากัน แต่อดีตภรรยาไม่ยอมจ่ายเงินให้สักบาท แต่ทราบว่านายประจักษ์ จะทะเลาะกับเมียบ่อยครั้งและเสพยาด้วย หากนายประจักษ์ ทำผิดจริง ก็ให้ดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนที่เขาไปพังบ้านตัวเองก็ไม่ผิด เพราะเป็นเงินของนายประจักษ์ที่ขายนาไปสร้างบ้าน

 

ในประเทศ

Related posts

404 Not Found
404
Sorry, the page you visited does not exist.
It may be that the access link is wrong or the file does not exist.