มหาสารคาม – รพ.นาดูน ยกสุขภาพช่องปากคือประตูสุขภาพของร่างกาย ลุยพัฒนารูปแบบงานส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงวัย

รพ.นาดูน ยกสุขภาพช่องปากคือประตูสุขภาพของร่างกาย ลุยพัฒนารูปแบบงานส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงวัย สสจ.มหาสารคาม จัดตั้งสถานีสุขภาพ (Health Station) ครบทุกหมู่บ้าน ให้บริการ เล็งขยายผล “นาดูนโมเดล” ให้ครอบคลุมทั้งจังหวัด
ที่ห้องประชุมโรงแรมสยามธารา โรงแรมสยามธารา อ.เมือง จ.มหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) และสำนักงานสาธาราณสุขจังหวัดมหาสารคาม ร่วมกับ จัดเวทีนโยบายสาธารณะ “การพัฒนารูปแบบการดูแลสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุเทศบาลตำบลนาดูน จ.มหาสารคาม” เพื่อขยายผลครอบคลุม จ.มหาสารคาม ขณะเดียวกันในปี 2565 ต.นาดูน อ.นาดูน จ.มหาสารคาม มีจำนวนผู้สูงอายุจำนวน 856 คน จากประชากร 4,875 คน คิดเป็นร้อยละ 17.62 พบว่าผู้สูงอายุมีความเสื่อมของสภาพร่างกายเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะสุขภาพช่องปาก เป็นอีกหนึ่งปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อภาวะโภชนาการ รพ.นาดูน จึงได้เข้าร่วมโครงการ “80ปี ฟันดี 20 ซี่” โดยเริ่มที่บ้านหนองโง้ง ม.2 ต.นาดูน อ.นาดูน จ.มหาสารคาม เป็นพื้นที่แรกของการดำเนินงาน เพื่อส่งเสริมการดูแลสุขภาพช่องปากในกลุ่มผู้สูงอายุ
ทพ.สุธา เจียรมณีโชติชัย อดีตรองอธิบดีกรมอนามัย และที่ปรึกษาสำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย เปิดเผยว่า กล่าวถึงโครงการรณรงค์ “80 ปี ฟันดี 20 ซี่” ว่าสำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ดำเนินงานในพื้นที่ 10 แห่ง ได้แก่ แพร่, ลำพูน, บุรีรัมย์, มหาสารคาม, นครปฐม, สิงห์บุรี, สุราษฎร์ธานี, ปัตตานี และ กรุงเทพมหานคร ซึ่งแต่ละแห่งมีกลยุทธ์ วิธีขับเคลื่อนโครงการโดดเด่น แตกต่างกันไปตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่
ด้าน ทพ.วัฒนะ ศรีวัฒนา ทันตแพทย์เชี่ยวชาญ(ด้านทันตสาธารณสุข) รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า จ.มหาสารคาม มีจำนวนผู้สูงอายุ 20 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมด จึงเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์แบบ สอดรับกับเป้าหมายดัชนีมวลกายที่เราตั้งเป้าไว้ คือ 1.ไม่หกล้ม และ 2.โภชนการดี ฟันดี แต่ผลจากการสำรวจปัญหาภาวะถดถอยสุขภาพใน 9 ด้าน สุขภาพช่องปากเป็นปัญหาสำคัญอันดับ 1 โดยพบว่ากลุ่มผู้สูงอายุมีฟันคู่สบ 4 คู่เพียง ร้อยละ 40 เท่านั้น ซึ่งส่งผลต่อการรับประทานอาหารอันนำไปภาวะโภชาการที่ดีอันนำไปสู่สุขภาพดีได้ เพราะสุขภาพช่องปากเป็นประตูสุขภาพของร่างกาย
นอกจากนี้ สสจ.มหาสารคาม ได้สนับสนุนให้มีการจัดตั้งสถานีสุขภาพ (Health Station) ครบทุกหมู่บ้าน และนำเอาการดูแลสุขภาพช่องปากในผู้สูงอายุ เป็นหนึ่งในการให้บริการ ผ่านทางเครือข่ายโรงพยาบาล รพ.สต. และ อสม. โดยส่งเสริมให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ เช่นเดียวกับการสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพช่องปากแก่คนบุคลากรทันต และคนในชุมชน ทั้งนี้ สสจ.มหาสารคาม พร้อมสนับสนุนให้พื้นที่บ้านหนองโง้ง ต.นาดูน เป็นต้นแบบขยายผลให้ครอบคลุมทั้งจังหวัดต่อไป
ทพ.ณัฐพล ยศพล ทันตแพทย์ชำนาญการพิเศษ รพ.นาดูน กล่าวว่า จากการสำรวจทันสุขภาพเขตเทศบาลตำบลนาดูน ปี 2563 พบว่า ผู้สูงอายุมีจำนวนฟันแท้ที่สามารถใช้งานได้ไม่น้อยกว่า 20 ซี่ คิดเป็นร้อยละ 68.13 และมีฟันหลังทั้งแท้และเทียม ใช้งานได้ไม่น้อยกว่า 4 คู่ นอกจากนี้มีแนวโน้มการเกิดฟันผุ โรคปริทันต์สูงขึ้น ส่งผลต่อประสิทธิภาพระบบย่อยอาหารในร่างกายลดลง
ทั้งนี้ที่ผ่านมา รพ.นาดูน จะเน้นให้บริการตามอาการและดำเนินงานตามโครงการเป็นรูปแบบจากส่วนกลาง ซึ่งไม่สอดคล้องกับปัญหาสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุในพื้นที่ ดังนั้นกลุ่มงานทันตกรรม รพ.นาดูน จึงศึกษาเรื่องการพัฒนารูปแบบการดูแลสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุในเขตเทศบาลตำบลนาดูน เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาและเกิดรูปแบบในการดูแลสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ ขณะเดียวกันได้เข้าร่วมโครงการ “ 80 ปี ฟันดี 20ซี่ เพื่อให้ผู้สูงอายุมีความรู้และความเข้าใจการดูแลสุขภาพช่องปากที่เหมาะสม เกิดภาคีเครือข่ายในการดูแลสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุในเขตเทศยบาลตำบลนาดูน และเกิดรูปแบบการดูแลสุขภาพช่องปากผู้สุงอายุ โดยมีการจัดอบรมให้ความรู้เรื่องสุขภาพช่องปากในรูปแบบกิจกรรม 5 ส. ได้แก่ 1.สองครั้งต่อวันเป็นอย่างน้อยในการแปรงฟัน 2.สองนาทีต่อครั้งเป็นอย่างน้อยในการแปรงฟัน 3.สองชั่วโมงไม่กินอาหารหลังแปรงฟัน 4.สองครั้งต่อปีในการพบทันตบุคลากร และ 5.สามเดือนเปลี่ยนแปรงสีฟัน ฝึกปฏิบัติแปรงฟันอย่างถูกวิธี มีการตรวจคราบจุลินทรีย์ด้วยตนเอง และบันทึกสมุดดูแลสุขภาพช่องปาก โดยมีการลงพื้นที่ให้บริการสุขภาพช่องปากและงานทันตกรรมให้กับผู้สูงวัยในชุมชน 3เดือนต่อครั้ง โดยผนวกร่วมกับสถานีสุขภาพชุมชน(Health station) ซึ่งเปิดให้บริการทุกวันศุกร์ หรือการเปิดช่องทางพิเศษสำหรับผู้สูงอายุ และออกบัตรนัดรับบริการที่โรงพยาบาลในหัตถการที่ยาก “สมุดผู้สูงอายุฟันดี 60 ปีไม่มีคิว “อสม.มีการติดตามเยี่ยมประเมินผู้สูงอายุในเขตรับผิดชอบตนเอง”