ตำรวจสืบสวนภาค 4 ร่วมกับ สภ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ จับกุมนักย่องเบาตระเวนลักทรัพย์ภายในโรงพยาบาลทั่วภาคอีสาน พร้อมของกลางทรัพย์สินหลายรายการ
พลตำรวจโทสรายุทธ สงวนโภคัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 เปิดเผยว่า ตำรวจสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 4 ได้ร่วมกันจับกุม นายอดุลย์ หรือเพชร สงวนนามสกลุ อายุ 52 ปี ชาวจังหวัดอุดรธานี ได้บริเวณภายในโรงเรียนหนองปะโอประชาอุทิศ ต.กุดโดน อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ ข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน พร้อมตรวจยึดของกลาง สร้อยคอทองคํา แหวนทองคำและสร้อยข้อมือ น้ำหนัก 5บาท 2 สลึง กระเป๋าสตางค์ยี่ห้อ Chanel จำนวน 1 ใบ นาฬิกา จำนวน 2 เรือน เงินสด จำนวน 17,590 บาท ทรัพย์สินรวมมูลค่าประมาณ 300,000 บาท
จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ทราบว่า เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2566 เวลาประมาณ 02.00-05.00 น. ได้มีคนร้ายเข้าไปลักทรัพย์บริเวณจุดพักญาติผู้ป่วยภายในโรงพยาบาลเมืองเลย ผู้เสียหายจึงได้เข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเลย มูลค่าทรัพย์สินที่ถูกลักทรัพย์ ประมาณ 300,000 บาท
และตรวจสอบกล้องวงจรปิดจนทราบว่าคนร้าย คือ นายอดุลย์ฯ ได้ออกจากที่เกิดเหตุและหลบหนีมา อาศัยอยู่กับ น.ส.ลำดวน (สงวนนามสกุล) ที่ ต.กุดโดน อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งมีความสัมพันธ์เป็นภรรยาของนายอดุลย์ฯ (ผู้ต้องหา) เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เดินทางไปติดตามจับกุมโดยสามารถจับกุมตัวนายอดุลย์ฯ ได้ภายในบริเวณโรงเรียนปะโอ ประชาอุทิศ ต.กุดโดน อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ พร้อมของกลางที่ผู้ต้องหาได้ลักทรัพย์มาจากผู้เสียหาย โดยชั้นจับกุมนายอดุลย์ฯ ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
สอบปากคํานายอดุลย์ฯ รับสารภาพว่าได้ก่อเหตุลักษณะเดียวกันนี้มาประมาณ 8 ครั้ง ดังนี้ จังหวัดเลย โรงพยาบาลเมืองเลย จำนวน 4 ครั้ง ที่จังหวัดขอนแก่น 2 ครั้ง คือ โรงพยาบาลขอนแก่น และ โรงพยาบาลน้ำพอง และจังหวัดสารคาม จำนวน 2 ครั้ง คือ โรงพยาบาลกันทรวิชัย และโรงพยาบาลเชียงยืน
จากพฤติการณ์ดังกล่าวของผู้ต้องหา ผู้ต้องหาเป็นบุคคลที่ไม่มีชื่อในทะเบียนราษฎร์หรือตกหล่นจากการสํารวจแต่ไม่ ยอมไปรายงานตัวเพื่อลงทะเบียน จึงทำให้ไม่มีบัตรประชาชนและไม่มีข้อมูลในสาระบบของราชการ ทำให้ผู้ต้องหามีความ ได้เปรียบในการหลีกเลี่ยงในการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่รัฐทำให้ติดตามตัวได้ยาก และผู้ต้องหาจะเลือกสถานที่ก่อเหตุโดย ส่วนมากจะเป็นโรงพยาบาล จากนั้นจะคอยสอดส่องหาเหยื่อที่พอจะมีทรัพย์สิน โดยเฉพาะจุดที่เป็นบริเวณที่พักญาติผู้ป่วย เมื่อได้เหยื่อแล้วจะคอยเฝ้าดูเหยื่อจนเหยื่อเผลอหลับหรือเผลอทิ้งทรัพย์สินไว้ จากนั้นก็จะแอบย่องเข้าไปขโมยทรัพย์สินของเหยื่อ แล้วหลบหนี เช่นเดียวกับเคสนี้ที่ จ.เลย ก็จะใช้วิธีนี้ในการก่อเหตุเช่นเดียวกัน ซึ่งครั้งล่าสุดคือเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2566 ณ โรงพยาบาลจังหวัดเลย โดยมูลค่าทรัพย์สินที่เหยื่อถูกลักทรัพย์ไป ประมาณ 300,000 บาท
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นําตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป