เมื่อเวลา 03.00 น.วันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 ร.ต.อ.พอดี ไชยคำหาญ รอง สว. สอบสวน สภ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ได้รับแจ้งมีเหตุชายถูกของแข็งทุบศีรษะในงานบุญกฐินประจำปี ที่บ้านคำผักหนาม ม.10 ต.เชียงหวาง อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส เบื้องต้นอาสากู้ภัยมูลนิธิอุดรสว่างเมธรรมสถาน จุดบริการเพ็ญ เร่งนำตัวส่ง รพ.เพ็ญ แต่เสียชีวิตระหว่างทาง หลังได้รับแจ้งจึงรีบไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วยชุดสืบสวน สภ.เพ็ญ
ที่เกิดเหตุอยู่หน้าบ้านเลขที่ 147 ม.10 ต.เชียงหวาง อ.เพ็ญ บนเสื่อกกพบกองเลือดเป็นจำนวนหนึ่ง พบรองเท้าของผู้ตายและของภรรยาผู้ตาย ถูกถอดวางไว้ ๆใกล้กันพบก้อนปูนกาวซีเมนต์เก่าที่แข็งตัวขนาดใหญ่ ทราบชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตว่าชื่อ นายกฤษณพงศ์ ช่วยนา หรือโปก อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 130 ม.10 ต.เชียงหวาง อ.เพ็ญ ได้รับบาดเจ็บจากถูกก้อนปูนซีเมนต์ทุบเข้าที่บริเวณท้ายทอย ทำให้มีบาดแผลฉกรรจ์ และกะโหลกศีรษะแตก คอหัก
นางสำราญ สิมงาม 52 ปี เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ น้าของคนตาย เปิดเผยว่า เมื่อคืนนี้ในหมู่บ้านมีงานบุญกฐินประจำปี ในงานได้จัดให้มีหมอลำ “สุริยา พันแสน” มาแสดง โดยตั้งหน้าเวทีอยู่ทางเข้าหน้าบ้านตน มีชาวบ้านทั้งในหมู่บ้านและต่างหมู่บ้าน มาชมการแสดงเป็นจำนวนมาก เวลาประมาณ 01.00 น. หมอลำใกล้จะเลิกแสดงแล้ว คนตายเป็นญาติกัน ตอนนั้นมีอาการเมา และเข้ามานอนอยู่ที่กองทรายในบริเวณบ้าน ตนจึงไปบอกน้องสาวคนตายมาปูเสื่อให้นอนในลักษณะคว่ำหน้า
ต่อมาไม่นานตนได้เดินออกมาหน้าบ้าน สังเกตเห็นชายวัยรุ่น รูปร่างผอม สูงประมาณ 165- 170 ซม. ยืนอุ้มก้อนปูนและโยนลงพื้น ตรงจุดใกล้กับที่คนตายนอนอยู่ ตนได้ตะโกนสอบถามไปว่าทำอะไร ไม่ใช่ถูกหลานตนแล้วหรือ จึงรีบเดินไปบอกภรรยาคนตายให้รีบมาดู ก็พบว่าคนตายมีเลือดไหลออกมาจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ควบคุมงานก็รีบมาดู และแจ้งให้หน่วยกู้ภัยนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที ขณะหมอลำแสดง ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงอะไร ไม่มีเหตุการณ์คนตีกัน คนตายก็เมาไปตามประสา ไม่เห็นว่ามีเรื่องทะเลาะกับใคร ไม่รู้ว่าใครคือผู้ก่อเหตุ เพราะที่เกิดเหตุมืดมาก”
นางลำพูน พระโคดี อายุ 62 ปี แม่ผู้ตาย กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้พาลูกสาวคนตายมาเข้านอน พอหลานหลับแล้วจึงเดินออกมาหน้าบ้านยืนดูหมอลำสักพัก ตอนนั้นมีเสียงคนเอะอะโวยวาย บอกว่ามีคนตีกัน มีคนถูกแทง ตนก็ตกใจเพราะว่าเป็นจุดที่ลูกชายตนนอนอยู่ ไม่นานญาติหลายคนก็เดินร้องไห้มา แล้วบอกว่าลูกชายถูกฆ่าแล้ว ตนก็สั่นทำอะไรไม่ถูก ไม่กล้าเดินไปดู ติดใจในสาเหตุการตาย อยากให้ตำรวจจับกุมคนร้ายให้ได้ ไม่อยากให้ลูกตายฟรี ลูกไม่ได้ไปก่อเรื่องอะไรเลย เมาก็ไม่ได้หาเรื่องใคร เมาแล้วก็นอนตรงนั้นเลย
“ตนมีลูกทั้งหมด 3 คน คนตายเป็นคนโต คนกลางเป็นผู้หญิง คนเล็กเป็นผู้ชาย คนตายทำงานอยู่ไต้หวัน สัญญาปีต่อปี เพิ่งกลับมาบ้านได้ 2 อาทิตย์ และวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้ จะต้องกลับไปทำงานที่ไต้หวันต่อ แต่ก็มาเกิดเรื่องขึ้นก่อน ตนเสียใจมากที่ต้องเสียลูกไป หากลูกชายรับรู้ได้ อยากบอกให้เขามาดลบันดาลมาบอกให้รู้ว่าใครเป็นคนลงมือฆ่า อยากรู้ว่าทำไปเพราะเหตุใด ลูกชายไม่มีพิษมีภัยกับใคร มีแต่คนรักเขาทั้งนั้น”
หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังที่พักสงฆ์ จักรนิโรธ สถานที่ฌาปนกิจศพของหมู่บ้าน พบกับนางนงลักษณ์ โพธิ์อินทร์ หรือลัก อายุ 35 ปี ภรรยาผู้ตาย ซึ่งได้นำศพผู้ตายมาจัดเตรียมทำพิธีสวดบำเพ็ญกุศลตามประเพณี โดยนางนงลักษณ์ฯ ได้จุดธูปและเคาะโลงศพ บอกกล่าวดวงวิญญาณผู้ตาย “หมดทุกข์หมดโศกแล้ว พี่ไปดีแล้ว ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งสิ้น หนูจะดูแลลูกเอง” พร้อมทั้งเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ว่า น้าสาววิ่งมาบอกให้ให้ดูสามี เพราะมีคนมาทำร้าย พอไปถึงก็เห็นสามีนอนฟุบอยู่ จึงจับตัวสามีพลิกหงายขึ้นมา ก็เห็นเลือดเป็นจำนวนมาก มีเลือดไหลออกจากปากและจมูก ตอนนั้นสามียังมีลมหายใจอยู่ แต่ก็คิดว่าคงไม่รอด แต่อาสากู้ภัยก็ช่วยกันปั๊มหัวใจ จนมีชีพจรกลับมา พอไปถึงโรงพยาบาลหมอก็บอกว่าสามีหมดลมไปแล้ว ไม่รู้ว่าใครมาทำสามี ในงานหมอลำก็ไม่มีเรื่องกับใคร อยากให้ตำรวจจับคนร้ายให้ได้ ให้มาชดใช้กรรมที่ก่อไว้
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้ เก็บข้อมูลหลักฐานในที่เกิดเหตุเพิ่มเติม และพนักงานสอบสวนจะได้ทำการสอบปากคำคนที่เห็นเหตุการณ์อย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป