เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 20 ธันวาคม 2565 พ.ต.ท.เปลวทอง สารีนันท์ สว.สบสวน สภ.เมืองอุดรธานี รับแจ้งจากศูนย์วิทยุร่มโพธิ์ทองว่ามีเหตุผู้รับเหมาต่อเติมโครงเหล็กหลังคาพลัดตกตึก 3 ชั้น คอหักและศีรษะเปิดเสียชีวิตอยู่บริเวณข้างตึกที่กำลังก่อสร้าง อยู่ริมถนนหมายเลข 22 อุดรธานี-สกลนคร ฝั่งขาออกตัวเมืองอุดรฯ เลขที่ 299 ม.16 บ.นาดอน ต.หนองนาคำ หลังจากก้าวพลาดล้มศีรษะกระแทกเหลี่ยมคานปูนสูงจากพื้นประมาณ 12 เมตร จนหมดสติก่อนร่างจะล่วงลงมากระแทกกับพื้นเสียชีวิต จึงพร้อมด้วยแพทย์เวร รพ.ศูนย์อุดรธานี จนท.กู้ภัย ปภ.เขต 14 อุดรธานี และอาสากู้ภัยมูลนิธิส่งเสริมธรรมแห่งอุดรธานี รุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบนางสาวอรพิศ ขันธุ์เขต อายุ 42 ปี บ้านเลขที่ 29 ม.6 บ้านสวนมอญ ต.เสอเพลอ อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ภรรยาผู้เสียชีวิต นำเจ้าหน้าที่ตรวจสอบสภาพศพนายแสงฤทธิ์ ขันตรี อายุ 37 ปี สภาพศพนอนหงายสวมเสื้อคลุมแขนยาวสีเทาทับเสื้อยืดสีฟ้า นุ่งกางเกงยีนส์ขายาว รองเท้าผ้าใบ ที่เอวผู้ตายมีสายเชือกเซฟตี้ จากการชันสูตรพลิกศพพบว่าคอหักศีรษะบริเวณหน้าผากยุบและเปิด ญาติไม่ติดใจในสาเหตุ จึงมอบศพให้ไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี
จากการสอบสวนนางสาวอรพิศ ขันธุ์เขต ภรรยาผู้ตายเปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ตนและสามีอยู่กินฉันสามีภรรยามาได้ 3-4 ปี ก่อนที่ตนและสามีจะมารับเหมาต่อเติมโครงหลังคาเหล็กที่อยู่บนชั้นดาดฟ้าของตึกสูงจากพื้นประมาณ 12 เมตร และเริ่มลงมือทำงานมาได้ 4 วัน แบบมาเช้าเย็นกลับ และทราบว่าเจ้าของบ้านจะเปิดเป็นร้านวัสดุก่อสร้าง ก่อนเกิดเหตุตนและสามีมาทำงานปกติ และใช้เชือกมัดลำเลียงเหล็กโครงหลังคาขึ้นไปจากชั้นที่สอง ส่วนสามีคอยรับเหล็กอยู่บนนั่งร้านบนชั้นสาม โดยตนเป็นคนมัดเหล็กส่งขึ้นไปให้สามี ขณะสามีกำลังรับเหล็กอยู่นั้น เหล็กเกิดแกว่งไปมาสามีกลัวเหล็กจะหล่น จึงก้าวพลาดพลัดตกจากนั่งร้านศีรษะกระแทกเหลี่ยมคานคอนกรีตจนหมดสติ และร่างสามีค้างอยู่ช่องคานในลักษณะศีรษะห้อยลงมา แต่ยังหายใจอยู่
“ตนรีบขึ้นไปพยายามดึงร่างสามีเอาไว้ แต่ดึงขึ้นมาไม่ไหว ร้องบอกให้ใครช่วยก็ไม่มีใครได้ยิน เนื่องจากมาทำงานกันเพียงสองคน ส่วนช่างปูนพากันไปทำงานที่ไซต์งานอื่นกันหมด ตนจึงตัดสินใจวิ่งลงมาขอความช่วยเหลือจากคนที่ขับรถผ่านไปมาให้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่มาช่วยหลือ แต่เมื่อตนเองวิ่งกลับมายังจุดเกิดเหตุ พบว่าสามีร่วงลงมากระแทกพื้นคอหักเสียชีวิต โดยไม่มีลางบอกเหตุร้ายล่วงหน้าแต่อย่างใด ”
จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุ ในเบื้องต้นสันนิฐานว่า ผู้ตายไม่คาดเชือกเซฟตี้ เนื่องจากพบสายเชือกเซฟตี้คล้องอยู่กับเอาผู้ตาย และช่วงนี้มีลมพัดแรง ทำให้เหล็กแกว่งไปมา ผู้ตายกลัวว่าเหล็กจะหล่น จึงทำให้ก้าวพลาดพลัดตกลงมาศีรษะกระแทกเหลี่ยมคานคอนกรีตจนหมดสติ ร่างติดค้างอยู่บนชั้นสาม ก่อนจะล่วงลงมากระแทกพื้นคอหักหน้าผากยุบเสียชีวิตคาที่.