เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักเรียนแห่งหนึ่งใน อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี ถือป้ายประท้วง ใบปลิวว่อนเต็มโรงเรียนขับไล่ โจมตี ผู้อำนวยการโรงเรียน และ รองผู้อำนวยการโรงเรียน หลังเข้าแถวหน้าเสาธงช่วงเช้า ข้อความ ตัดกกดู่ กกสักเฮ็ดหยัง, ผอ.ไม่บ้าแต่ไปนอน รพ.ศรีมหาโพธิ์ ,พวกหนูอยากไปทัศนศึกษาค่ะ, โรงเรียนใหญ่แต่ไร้การพัฒนา ,ย้าย ผอ.เก่าออกไปแล้วเอา ผอ.ใหม่มาให้พวกเรา,โรงเรียนมีปัญหา วอนผู้ใหญ่เมตตาพวกหนูบ้าง โดยนักเรียนจับกลุ่ม คุยกัน. วิพากษ์วิจารณ์ การทำหน้าที่ของผู้อำนวยการโรงเรียน โดยนักเรียนไม่ยอมเข้าเรียน จนกว่าจะย้าย ผู้อำนวยการโรงเรียน และ รองผู้อำนวยการโรงเรียนออกไป ตัวแทนนักเรียนระบุถ้าไม่มีการย้าย. ผลเสียหายจะเกิดขึ้น กับนักเรียน และโรงเรียน ทั้งนี้เพราะผู้อำนวยการโรงเรียน ทำงาน ไม่ได้ ครู นักเรียนไม่เชื่อฟัง. การบริหารงานล้มเหลว โรงเรียนสกปรกไม่มีพัฒนาโดยสัปดาห์นักเรียนจะนัดกันเดินขบวนอีกจนกว่าผู้อำนวยการโรงเรียนและรองผู้อำนวยการโรงเรียนจะย้าย ออกไปนางสาวมิ่งฤดี ทวีชัย นักเรียนชั้น ม.5 ตัวแทนนักเรียนกล่าวว่า การที่นักเรียนออกมาเรียกร้องเนื่องจากการบริหารงานของ ผอ.โรงเรียนไม่มีศักยภาพพอที่จะมาบริหารงานโรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษแบบนี้ เพราะ ผอ.มีอาการทางจิต บริหารงานได้ไม่เต็มที่ ให้รองผู้อำนวยการเป็นคนรักษาการแทนทุกอย่างทั้งๆที่ ผอ.ก็มาทำงาน ข้อเรียกร้องก็คือนักเรียนต้องการให้ย้าย ผอ.ท่านนี้ไปที่อื่น ไม่มีประสิทธิภาพในการบริหารงานเช่น ทำโครงการต่างๆ ไม่ผ่านเจ้าหน้าที่พัสดุ ดำเนินการเอง จ้างคนนอกเข้ามาทำงานอะไรเลย แม้กระทั่งตัดต้นไม้หวงห้ามก็ยังไม่ขออนุญาตจากทางอำเภอ ทำงานไม่โปร่งใส ไม่มีการพัฒนา นักเรียนจึงอยากให้ ผอ.ย้ายออกไป อยากให้ทาง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาที่ 29 (สพม.29)ได้เข้ามาตรวจสอบและย้าย ผอ.ออกไปสำหรับบรรยากาศภายในโรงเรียนขณะที่นักเรียนทำการประท้วงนั้นไม่มีฝ่ายบริหารของโรงเรียนโดยเฉพาะ ผู้อำนวยการโรงเรียน ที่มาทำงานแต่เก็บตัวเงียบในห้อง ไม่ยอมเดินทางมาพบเด็กเพื่อทำความเข้าใจหรือชี้แจงแต่อย่างใดต่อมานายโกสินทร์ บุญมาก รองผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาที่ 29 (สพม.29)พร้อมนิติกร เดินทางมารับข้อเรียกร้องของตัวแทนนักเรียน 14 ข้อ ซึ่งเบื้องต้นกล่าวกับตัวแทนนักเรียนว่าจะนำข้อเรียกร้องของนักเรียนเสนอไปยัง ผอ.สพม.29 ได้พิจารณาสั่งการต่อไปทั้งนี้สำหรับข้อเรียกร้องที่ตัวแทนนักเรียนยื่นเรียกร้องให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาที่ 29 (สพม.29) ตรวจสอบจำนวน 14 ข้อประกอบด้วยที่ ข้อที่ 1.เรื่องการตัดตันไม้ในบริเวณโรงเรียน ผู้อำนวยการสั่งการให้ งานอาคารสถานที่ ตัดตันไม้ในบริเวณโรงเรียน โดยอ้างว่าได้ขออนุญาตจากคณะกรรมการสถานศึกษา เพื่อทำถนนโดย ตัดต้นมะขามเทศ แต่ในความเป็นจริง ได้ตัดต้นไม้หลายต้นในบริเวณโรงเรียน ซ้ำยังตัดต้นไม้หวงห้ามตาม พรบ.ป่าไม้ คือ ต้นประดู่และต้นสักทองรวมอยู่ด้วย บริเวณทางเข้าประตู- บริเวณข้างหอประชุม บริเวณข้างสนามฟุตบอล บริเวณหลังอาคาร4 ซึ่งเป็นการทำลายสิ่งแวดล้อมในบริเวณสถานที่ราชการ ทำลายความร่มรื่นทีนักเรียนใช้เป็นที่นั่งเล่น ข้อที่ 2.เรื่องเปลี่ยนสีโรงเรียน ได้รับคำตอบว่ายังไม่ได้ดำเนินการ และอ้างว่าได้สอบถามผู้อำนวยการคนเดิมและคุณครูเก่าว่า สีที่แท้จริงของโรงเรียนเป็นสีแดงเลือดนก จึงต้องการเปลี่ยนสีตามที่สอบถามจากครูผู้อาวุโส โรงเรียน ตั้งมา 56 ปี มีศิษย์รุ่นก่อนๆบอกว่า สีที่ใช้คือสีแดงเลือดหมูไม่ใช่สีแดงสดเหมือนสีแดงเลือดนก ผู้อำนวยการ มาอยู่ไม่กี่ปีจะเปลี่ยนสิโรงเรียนตามอำเภอใจและมีการสั่งตัดธงสีมาแล้วแต่ยังไม่ได้นำมาใช้เพราะนักเรียนร้องเรียน ข้อที่ 3 เรื่องค่าแรงการติดตั้งเครื่องเสียงในโดมอเนกประสงค์ แพงเกินความเป็นจริง โรงเรียนอ้างว่าทำเรื่องประมาณการแต่ยังไม่ได้เบิก ความเป็นจริงงานอาคารสถานที่ ขออนุมัติค่าแรงติดตั้ง 93,900 บาท ผู้อำนวยการ อนุมัติ แล้ว เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2565 แต่พวกเรา เรียกร้องให้ตรวจสอบก็เปลี่ยนแปลงราคาใหม่ ขอเบิก 69,000 บาท เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2565 ซึ่งอนุมัติโดย รองผู้อำนวยการโรงเรียน ถ้าพวกเราไม่เรียกร้องให้ตรวจสอบ เงินส่วนต่าง จำนวน 24,600 บาท จะไปอยู่ที่ใคร ข้อที่ 4 เรื่องการเทคอนกรีต บริเวณทางเข้าประตู 1 บริเวณ ข้างโดมหน้าอาคารอุตสาหกรรม โดยอ้างว่าได้ขออนุมัติจากกรรมการสถานศึกษา โดยใช้งบเหลือจ่ายจากปี 2565 แต่การเทคอนกรีต ดังกล่าวไม่เป็นไปตาม พรบ.การจัดซื้อจัดจ้าง อนุมัติ แต่ไม่มีโครงการรองรับ การเท ก็เรียกผู้รับเหมามาเทโดยไม่มีการประมาณการ ไม่มีการกำหนดขนาดเหล็ก ที่ชัดเจน เจ้าหน้าที่การเงินพัสดุ ไม่ทำเรื่องเบิกจ่ายให้ แล้วผู้อำนวยการ และรองผู้อำนวยการ บอกว่าจะให้ทำเรื่องบริจาค จากบุคคลภายนอก แต่ความเป็นจริงงานเสร็จนานแล้วแต่ยังไม่มีการเบิกจ่ายใดๆทั้งสิ้น ข้อที่ 5. เรื่องโครงการจากกลุ่มสาระฯ ต่างๆ อ้างว่า ผู้บริหารมีอำนาจในการตรวจสอบเรื่องต่างๆ ให้ถูกต้องครบถ้วน เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ ความเป็นจริงผู้อำนวยการใช้ปากกาขีดเขียนให้แก้ไขเอกสาร โครงการ ทั้งวิสัยทัศน์ สพฐ. รวมทั้งข้อความต่างๆ จนเกิดความล่าช้า และไม่ได้รับการจัดสรรโดยไม่อนุมัติให้ดำเนินการหลายโครงการ เช่น โครงการไม้ไอศรีม ที่ผู้รับผิดชอบโครงการจัดหามา ข้อที่.6 เรื่องเบิกเงินสดไปใช้ส่วนตัว ได้รับคำตอบคือ โรงเรียนมีเงินสวัสดิการที่เบิกใช้ในกิจกรรมต่างๆของโรงเรียน ความจริงเบิกเป็นเงินสด 10,000 บาท เพื่อใช้รับรองผู้บริหาร แต่มีผู้บริหารไม่กี่คนที่ไปกินข้าวที่ร้านลาบข้างสะพานลอย ไม่ได้ไปที่ตามคำกล่าวอ้าง ข้อที่ 7 เรื่องเตรียมจัดซื้อรถตู้ คำตอบคือยังไม่ได้ดำเนินการจัดซื้อ ข้อแย้งคือ ขออนุมัติกรรมการสถานศึกษาไว้แล้ว ว่าเงินที่จะได้จากการประมูลสหกรณ์แต่อย่างไรเงินที่ได้จะต้องนำมาใช้ตามระเบียบการเงินพัสดุ ไม่ใช่ขออนุมัติจากกรรมการสถานศึกษาอย่างเดียว ข้อที่ 8. เรื่องย้ายพุทธสถาน แจ้งว่า คณะกรรมการสถานศึกษาอนุมัติแล้ว ความจริง ในการประชุมประจำเดือนครูและบุคลากรได้มีการอภิปรายคัดค้าน แต่ผู้อำนวยการ ไม่ฟังและยังเตรียมการ ขนดินมากองเตรียมดำเนินการแล้ว เมื่อนักเรียนร้องเรียนก็เลยไม่ดำเนินการ ข้อที่ 9.เรื่อง เงินรายได้จากการประมูล สหกรณ์ร้านค้าและการประมูลแม่ค้าในโรงอาหาร แจ้งว่า เอา เงินเข้าบัญชีรายได้โรงเรียน แต่ความเป็นจริง ไม่ได้เอาเงินเข้าระบบ ปี 2563 – 2564 ประมูลสหกรณ์ร้านค้า ปีละ 1,400,000 บาท รวมเป็นเงิน 2,800,000 บาท ปี 2563 ได้รับเงินจากการประมูลร้านค้าในโรงอาหาร เป็นเงิน 1,201,009 บาท ปี 2564 ได้รับเงินจากการประมูลร้านค้าในโรงอาหาร 200,000 บาท ปี 2565 ได้รับเงินจากการประมูลร้านค้าในโรงอาหาร 800,000 บาทเงินจำนวน ดังกล่าวเป็นรายได้สถานศึกษา ต้องนำมาใช้ในงาน โครงการต่างๆตาม พรบ. จัดซื้อจัดจ้าง ปี 2560 แต่ไม่ได้เอาเข้าระบบ แต่กลับเอาเก็บไว้ใช้จ่ายส่วนตัวโดยเบิก ให้รองผู้อำนวยการ งานอาคารสถานที่ขอเบิก แต่นำมาใช้ส่วนตัว ดังเช่น กรณี เลี้ยงรับรองคณะผู้บริหารประชุม ข้อที่ 10 เรื่องเก็บเงินค่าจ้าง ครูชาวต่างชาติ แจ้งว่า โรงเรียนได้จ้างแล้ว ความจริงแล้ว เงินค่าจ้างครูต่างชาติเก็บทุกเทอม เทอมละ 400 บาท ปีการศึกษา 2563 และ ปีการศึกษา 2564ไม่ได้เรียน เพราะโรงเรียนจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ เงินที่เก็บไปไหน และในปีการศึกษา 2565 ยังเก็บเหมือนเดิม ข้อที่ 11. เรื่อง ส่งสื่อลามกในกลุ่มไลน์ต่างๆ ได้รับคำตอบว่า อ้างว่าเป็นการกระทำโดยความพลั้งเผลอด้วยระบบโทรศัพท์ โดยไม่ได้ตั้งใจ ความเป็นจริง คือป่วยทางจิต ไม่สามารถควบคุมตนเอง ส่งภาพลามก อนาจาร เข้ากลุ่มไลน์ต่างๆ คือกลุ่มครูโรงเรียน มีครูทักถามแต่ก็ไม่ได้ลบ ซึ่งมีสมาชิกเป็นครูและนักเรียนโรงเรียนอื่นในจังหวัดอุบลราชธานี ข้อที่ 12. เรื่อง เปลี่ยนโครงสร้างการบริหารโรงเรียน อ้างว่า รองผู้อำนวยการที่เปลี่ยนไม่มีความสามารถในการทำงาน และไม่ถูกกับนักการภารโรง เกรงว่าจะเกิดปัญหา โครงสร้างบริหารโรงเรียนได้ทำตามสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุบลราชธานี อำนาจเจริญ การที่จะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างงานโดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่จะเกิดความเสียหาย เช่นการอนุมัติติดตั้งเครื่องเสียง รองผู้อำนวยการ ก็ลงนาม อนุมัติเอง ข้อที่ 13 เรื่อง ร้องเรียนรองผู้อำนวยการ ที่มีหนังสือร้องเรียนว่า มีการทุจริต แจ้งว่า ข้อร้องเรียน เป็นหนังสือจากระบบอิเลคทรอนิคส์ ไม่มีการลงชื่อ และเมื่อไม่นานมานี้ มีเพจ อุบลปลดแอก และเพจ ตอนไหนจะจบ ถ่ายรูป รองผู้อำนวยการและคณะ นั่งดื่มในสถานศึกษาและได้ไปแจ้งความเอาผิดนักเรียนที่ถ่ายรูป พวกเราสงสัยว่าผู้อำนวยการผู้มีอำนาจในโรงเรียน ไม่ยอมแต่งตั้งกรรมการสืบหาข้อเท็จจริงที่มีการร้องเรียนใน 6 กรณี ดังกล่าวเพื่อความสง่างาม และรักษาชื่อเสียงโรงเรียนเดชอุดม เพราะข้อร้องเรียนต่างๆที่เกิดขึ้นกับบุคลากรในโรงเรียนเดชอุดม แม้จะผ่านระบบใดๆก็ต้องมีการสืบหาข้อเท็จจริงให้ผู้ถูกร้องได้รับความเป็นธรรม แต่เพิกเฉย โดยไม่ตรวจสอบ ทีมตนเอง และข้อที่ 14.เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสถานศึกษาที่มีคุณสมบัติไม่ถูกต้อง โดยอ้างว่า เป็นความผิดพลาดของ รองผู้อำนวยการโรงเรียน ความเป็นจริง ครั้งแรกแต่งตั้งถูกต้อง แต่ท่านได้ลาออกเพราะไปทำงานที่อื่น ไม่มีเวลา และ ได้แต่งตั้ง คนที่ไม่ใช่ศิษย์เก่า เป็นคนที่มาค้าขายในอำเภอเดชอุดม และท่านประธานคณะกรรมการสถานศึกษาก็เข้าข่าย ผิดคุณสมบัติ เพราะท่านมีส่วนได้เสีย กับทางโรงเรียน เช่น โรงเรียนได้ซื้อวัสดุ อุปกรณ์ โดยใช้เครดิต กับทางร้านซึ่งท่านเป็นเจ้าของร้านและ ท่าน ยังมาประมูลสหกรณ์ร้านค้าโรงเรียนแต่เอาชื่อคนอื่นมาประมูล แต่ท่านก็มานั่งขายของทุกวัน ซึ่งไม่มีการตรวจสอบแต่อย่างใด หลังจากมีการร้องเรียน ทางโรงเรียนก็เปลี่ยนเป็นคนเดิม พวกเราเห็นว่า ซึ่งแต่งตั้งโดยไม่มีการตรวจสอบคุณสมบัติ ตามระเบียบ และเอื้อประโยชน์ ให้กับบุคคล ดังกล่าว กลับมาทำงานที่โรงเรียน ตามปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และยังแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสืบหาข้อเท็จจริง โดยเรียกครู นักเรียนมาให้ปากคำเพื่อเอาผิดคนที่ร้องเรียนตนเองกับพวก ข้าพเจ้าและคณะ จึงขอให้ท่านผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุบลราชธานี อำนาจเจริญได้สอบสวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติม และ ขอให้ ย้าย ผู้อำนวยการโรงเรียน และ รองผู้อำนวยการโรงเรียน เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียในการสืบสวน เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อร้องเรียน
ภาพ/ข่าว : (วิชิต)วัชรพล มีสวัสดิ์ ผู้สื่อข่าวอุบลราชธานี รายงาน