เขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น ขณะนี้มีปริมาณน้ำเกินความจุถึง 103 เปอร์เซ็นต์ เล็งหาน้ำยังไหลเข้าสูงขึ้นต่อเนื่อง จะขอเพิ่มการระบายน้ำเป็นวันละ 54 ล้านลูกบาศก์เมตร
นายพงศกร เรืองมนตรี ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงไฟฟ้าพลังน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(เขื่อนอุบลรัตน์) เผยว่า ปริมาณน้ำในเขื่อนอุบลรัตน์และการระบายน้ำ ออกจากเขื่อนอุบลรัตน์ โดยขณะนี้ระดับน้ำในเขื่อนอุบลรัตน์อยู่ที่ 182.18 เมตร เกินการเก็บกักน้ำที่ปริมาณ 2515.89 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งเขื่อนฯมีความจุเพียง 2,504 ล้าน ลบ.ม. ขณะนี้น้ำในเขื่อนจึงเกินความจุของอ่างแล้ว หรือ 103%
สำหรับปริมาณน้ำในเขื่อนอุบลรัตน์นั้น จะมีปริมาณมาก หรือน้อยก็ต้องรายงานให้ทุกจังหวัดทราบ รวมถึงรายงานให้คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำในจังหวัดที่อยู่เหนือเขื่อนฯหรือด้านล่างเขื่อนฯ ได้ทราบมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้มีการประชุมร่วมกับคณะกรรมการลุ่มน้ำชีว่า หากปริมาณน้ำในเขื่อนสูงเกินกว่าความจุของอ่าง เขื่อนจะทำการระบายน้ำที่วันละ 35 ล้าน ลบ.ม. เพราะเขื่อนรับน้ำจากปริมาณน้ำไหลหลากจากอิทธิพลของร่องความกดอากาศต่ำและพายุโนรู ทำให้มีน้ำไหลเข้าเขื่อนวันละ 130 ล้าน ลบ.ม.จึงจำเป็นต้องระบายวันละ 35 ล้าน ลบ.ม.ในวันที่ 3 ตุลาคม เป็นวันแรก โดยจะระบายติดต่อกันประมาณ 1 สัปดาห์
นอกจากนี้ทางเขื่อนฯยังมีการคาดการณ์ว่า หากมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นเป็น 183 เมตรในระดับทะเลปานกลาง ก็จะเพิ่มการระบายน้ำเป็นขั้นบันได เพิ่มขึ้นอีกวันละ 3 ล้าน ลบ.ม.ซึ่งอาจะต้องระบายถึง 54 ล้าน ลบ.ม. เพราะปริมาณน้ำที่ไหลเข้าในเขื่อนมีปริมาณมากถึงวันละเป็น100 ล้านลบ.ม. แต่การระบายออกมีปริมาณที่น้อยกว่า จึงมีการแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่เหนือเขื่อน และอยู่ท้ายเขื่อน ให้มีการตั้งตัวรับกับปริมาณน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งแจ้งมาอย่างต่อเนื่อง
ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงไฟฟ้าพลังน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(เขื่อนอุบลรัตน์) กล่าวอีกว่า ปีนี้น้ำมาเร็ว เพราะทุกปีน้ำจะเข้าเขื่อนในช่วงปลายเดือนตุลาคม แต่ปีนี้กลางเดือนกันยายน น้ำก็มาแล้ว โดยจะเป็นน้ำจาก 3 สาย ที่ไหลเข้าเขื่อน คือจากต้นน้ำของแม่น้ำพอง ที่มีน้ำไหลากภูกระดึง ผานกเค้า จ.เลย ไหลลงมาที่อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู ไหลมาลงที่เขื่อนฯ สายที่สองน้ำจากจังหวัดชัยภูมิ และจากเขื่อนจุฬาภรณ์ ไหลลงลำน้ำเชิญ ลำน้ำพรม รวมกันมาลงที่เขื่อนฯ สายที่สามน้ำจากลำพะเนียง จ.หนองบัวลำภู ก็ไหลลงสู่เขื่อนอุบลรัตน์ เมื่อน้ำทั้ง3สายไหลลงสู่เขื่อนฯน้ำก็มีความจุเพิ่มขึ้น
ในขณะเดียวกันเขื่อนฯก็ต้องเฝ้าระวังให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนให้น้อยที่สุด ทั้งในพื้นที่ อ.โนนสัง และ อ.ศรีบุญเรืองของจ.หนองบัวลำภู อ.อุบลรัตน์ อ.หนองเรือ อ.ภูเวียง อ.หนองนาคำ จ.ขอนแก่น ที่จะได้รับผลกระทบจากปริมาณน้ำในเขื่อนฯเพิ่มสูงขึ้น ทั้งยังมีความเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง ไม่ให้คันดินที่กั้นเขื่อนอุบลรัตน์ ในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภูไม่ให้ได้รับผลกระทบอีก เขื่อนฯจึงจำเป็นต้องระบายน้ำเพื่อลดผลกระทบโดยรวมทั้งหมด.