เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 27 กันยายน ร.ต.อ.สรวิศิษฏ์ มีเพียร รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งว่า มีเหตุคนร้ายเข้าไปลักทรัพย์ที่บ้านเลขที่ 346 ซ.หนองใส 1 ม.3 บ้านหนองใส ต.หนองนาคำ อ.เมืองจ.อุดรธานี หลังจากได้รับแจ้งแล้วพร้อมด้วยชุดสืบสวนและเจ้าหน้าที่เขตงานหนองบัวรีบรุดไปที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ 2 ชั้น ๆ ล่างเปิดเป็นร้านขายของชำ พบนางสำลี มุกดาม่วง อายุ 72 ปี เจ้าของบ้านรอพบเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ จากนั้นจึงนำขึ้นไปดูจุดที่เกิดเหตุบนชั้น 2 ของบ้าน ที่คนร้ายขึ้นไปขโมยทรัพย์สินไป พร้อมทั้งให้การว่า ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 14.00 น.วานนี้ (วันที่ 26 ก.ย.) ขณะที่อยู่บ้านคนเดียวขายของอยู่ที่ชั้นล่าง นั่งขายของโดยหันหลังให้บันไดบ้าน ต่อมาก็เห็นชายมาจอดรถจยย.สีแดงไม่ทราบยี่ห้อและทะเบียน ที่มุมบ้านก็คิดว่าเป็นลูกค้าตามปกติก็ไม่ได้มองไป จนสักพักหนึ่งก็เห็นคนร้ายเป็นชายแขนสักลายเต็มไปหมดแอบอยู่ที่มุมบ้าน ตนก็ได้สอบถามไปถ้ามาซื้อของก็ให้มาซื้อที่ตนแอบทำไมอยู่มุมบ้าน จากนั้นชายดังกล่าวก็ทำทีมาซื้อน้ำมันพืชไปขวดหนึ่งโดยพยายามที่จะไม่ให้ตนเห็นหน้า สักครู่หนึ่งเขาก็ขับรถ จยย.เอาน้ำมันพืชมาขอคืนบอกว่าเมียว่าแพงไป ตนจึงคืนเงิน 25 บาทไป
นางสำลีฯ ให้การต่อไปว่า จน 6 โมงเย็น ตนจึงขึ้นไปชั้น 2 ของบ้านก็เห็นประตูตู้เสื้อผ้าเปิดอยู่ ข้าวของกระจัดกระจาย จึงคิดว่ามีคนร้ายขึ้นมาขโมยของบนบ้านแน่แล้ว จึงได้สำรวจทรัพย์สินพบว่า ทรัพย์สินที่หายไปมีเงินสด จำนวน 20,000 บาทเศษที่เก็บสะสมไว้ในกระเป๋าผ้าที่แขวนไว้ที่หัวนอน ไว้ใช้เวลาไปหาหมอที่รักษาตนเป็นโรคกระดูกพรุนและโรคความดันทุกอาทิตย์ซึ่งเป็นช่วงนอกเวลาของหมอ กับแหวนทองหนักสลึงครึ่ง 1 วง กับพระเลี่ยมทอง 1 องค์ และเงินแบงก์เก่า ๆ ที่อยู่ในกล่องไม้เล็ก ๆ ที่เก็บไว้บนหัวนอน กับพระเครื่องจำนวนหนึ่ง ที่อยู่ในถาดที่โต๊ะหมู่พระ
“ทรัพย์สินต่าง ๆ ที่คนร้ายขโมยไป ยายก็บอกตรง ๆ ว่าไม่เสียดายหรอก สำหรับโฉนดที่นาที่พ่อแม่ให้ตนไว้นั้นตนเก็บไว้ในกล่องไม้เล็ก ๆ รวมกับแหวนและพระเลี่ยมทอง แต่คนร้ายไม่ได้เอาไป เอาไปแต่เพียงแหวนกับพระและแบงก์เก่าไป ส่วนในตู้เสื้อผ้านั้นมันไม่ได้เอาอะไรไป ก็ดีแล้วที่มันไม่ร้ายเรา เพราะถ้าตนเดินขึ้นไปบนบ้านแล้วเจอมันกำลังรื้อค้นอยู่แล้วมันใช้เท้าถีบตน ๆ ก็ตกบันไดตายแน่ ๆ ลูกหลานที่ทราบข่าวก็มาปลอบใจตนว่าดีแล้วที่ยายไม่เป็นอะไร ทรัพย์สินให้มันไปเถอะ”
ในเบื้องต้นเจ้าหน้าตำรวจ จึงได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้วลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน และจะให้ชุดสืบสวน ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียง และเส้นทางที่คนร้ายหลบหนีไป เพื่อจะได้ติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป