อุบลราชธานี – ‘รองผอ.สพป.’ อีสานฟ้องเกณฑ์เฟ้น ‘ผอ.เขตฯ’ ส่อทุจริต ล็อกสเปก แฉเรียก 3 ล้าน ซื้อขายตำแหน่ง

 


เมื่อวันที่ 8 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ชมรมพิทักษ์ระบบคุณธรรมและสิทธิครูและบุคลากรทางการศึกษา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี มีรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาทั่วประเทศ นำโดย นายประดู่ นามเหลา รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาร้อยเอ็ด เขต 3 พร้อมคณะรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหลายจังหวัด เป็นตัวแทนเดินทางมาพบนายวิบูลย์ กุลวงศ์ ประธานชมรมชมรมพิทักษ์ระบบคุณธรรมและสิทธิครูและบุคลากรทางการศึกษา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อขอความช่วยเหลือทางกฎหมายปกครอง จากชมรมพิทักษ์ระบบคุณธรรมและสิทธิครูและบุคลากรทางการศึกษา

เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรม กรณี หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ลงวันที่ 12 พฤษภาคม 2565 ภาค ข. และ ภาค ค. เป็นการออกกฎในรูปของหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ในลักษณะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้หนึ่งผู้ใดเป็นการเฉพาะ ส่อไปในทางทุจริต และมีขบวนการตัวกลางในการเรียกรับเงินจากผู้เข้าสอบคัดเลือกคนละกว่า 3 ล้านบาท เพื่อชื้อขายตำแหน่งกัน จนมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันแพร่หลาย


นายประดู่ นามเหลา รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาร้อยเอ็ด เขต 3 เปิดเผยว่า เนื่องจากผลการสอบคัดเลือกผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาทั่วประเทศ ที่ผ่านมา ผลการสอบไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม โดยเฉพาะในเรื่องหลักเกณฑ์ ประวัติและประสบการณ์การทำงาน ในการให้คะแนนไม่ชัดเจนมีการกำหนดตัวชี้วัดมาแต่ไม่กำหนดค่าน้ำหนักมาว่าประสบการณ์ควรให้กี่คะแนนยกตัวอย่างเช่นเรื่องอาวุโสในหลักราชการว่ามีอายุราชการกี่ปีมีน้ำหนักคะแนนเป็นยังไงก็ต้องกำหนดมาอย่างนั้น เกณฑ์ทั่วไปจะกำหนดค่าน้ำหนักในการให้ค่าคะแนนในแต่ละองค์ประกอบอย่างการย้ายผู้บริหารสถานศึกษาก็มีประกาศของกศจ. เขาก็กำหนดองค์ประกอบตัวชี้วัดมาระบุว่าผลงานดีเด่นระดับชาติมีผลงานในรอบการปฎิบัติหน้าที่ได้เกียรติบัตรได้โล่รางวัลและจะมีค่าคะแนนเท่านี้มันจะมีตัวชี้วัดอันนี้ไม่มี กำหนดไว้เฉยๆว่าผู้อาวุโสหรือไม่อาวุโสเป็นการให้คะแนนตามอำเภอใจไม่ได้มีตัวชี้วัดว่าถ้าอาวุโสรับราชการกี่ปีมีผลงานอย่างไรจะได้รับค่าคะแนนเท่าไหร่ต้องมีกำหนดไว้เพื่อจะให้กรรมการใช้ดุลพินิจโดยมีข้อเท็จจริงข้อกฎหมายในการสนับสนุนแต่นี่เป็นการใช้ดุลพินิจที่ทำให้ผู้ที่อาวุโสในหลักราชการหรือผู้ที่มีความรู้ความสามารถมีประสบการณ์ พลาดโอกาสในการพิจารณาคัดเลือกในครั้งนี้


นายวิบูลย์ กุลวงศ์ ประธานชมรมชมรมพิทักษ์ระบบคุณธรรมและสิทธิครูและบุคลากรทางการศึกษา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่าจากการที่รองผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา เดินทางมาขอคำปรึกษาเกี่ยวกับคดีปกครอง เห็นว่าประเด็นข้อเท็จจริงทจากรองผู้อำนวยการเขตที่นำพยานหลักฐานเอกสารต่างๆให้ดูทางชมรมได้พิจารณาข้อเท็จจริงข้อกฎหมายแล้วก็เห็นว่าหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาสังกัดและสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานมีลักษณะที่เอื้อประโยชน์ให้ผู้ใดผู้หนึ่งได้รับประโยชน์เนื่องจากผู้ที่มีอาวุโสน้อยมีประสบการณ์น้อย สอบคัดเลือกผ่าน เมื่อพิจารณาดูในลักษณะการออกกฎหลักเกณฑ์ วิธีการคัดเลือก น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงได้รับเรื่องนี้ไว้เพื่อที่จะดำเนินการยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครอง และยื่นคำร้องขอวิธีการชั่วคราว ก่อนมีคำพิพากษา ทั้งนี้ เพื่อเป็นการปกป้องระบบคุณธรรมในระบบราชการ อย่างไรก็ตาม บรรดารอง ผอ.เขต.ยังประสงค์ที่จะยื่นคำร้องเรียน กล่าวโทษคณะกรรมการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและขบวนการที่เป็นตัวกลางเรียกรับเงินในเรื่องนี้ ต่อ ป.ป.ช. ภายในเร็วๆนี้

ยงยุทธ ผูกพันธ์ อุบลราชธานี /รายงาน

ร้องเรียน, ในประเทศ

Related posts

404 Not Found
404
Sorry, the page you visited does not exist.
It may be that the access link is wrong or the file does not exist.