กาฬสินธุ์ – พิษน้ำมันแพงตลาดกุ้งก้ามกรามกาฬสินธุ์ซบเซาหนักอีก

 


จากภาวะราคาน้ำมันแพง ได้ส่งผลกระทบกับอาชีพเกษตรกรเลี้ยงกุ้งก้ามกราม สัตว์เศรษฐกิจอันดับหนึ่งของจังหวัดกาฬสินธุ์ ถึงแม้จะเปิดเมืองหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย แต่ตลาดกุ้งก้ามกรามที่เคยคึกคักกลับยังซบเซาอีกครั้ง โดยพ่อค้าคนกลางและผู้ประกอบการร้านค้า ร้านอาหารระบุ เนื่องจากน้ำมันแพง ค่าขนส่งไม่คุ้มทุน กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง ขณะที่ชาวนากุ้งหลายรายหาทางออก โดยจับกุ้งขึ้นรถเร่ขายตามหมู่บ้านราคาถูก เพื่อความอยู่รอดและลดความหนาแม่น ก่อนที่กุ้งก้ามกรามจะน็อคตาย


เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการติดตามบรรยากาศการจับกุ้งก้ามกราม สัตว์เศรษฐกิจอันดับหนึ่งของ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งมีแหล่งผลิตในเขตพื้นที่ ต.บัวบาน ต.เขาพระนอน ต.นาเชือก อ.ยางตลาด, ต.ลำพาน ต.ลำคลอง อ.เมืองกาฬสินธุ์ และ ต.หัวหิน อ.ห้วยเม็ก ทั้งนี้ เดิมบรรยากาศการจับกุ้งจำหน่ายเป็นไปด้วยความคึกคักตลอดปี หลังสถานการณ์โรคโควิด-19 ดีขึ้น มีพ่อค้าคนกลางจากต่างจังหวัด รวมทั้งพ่อค้าคนกลางในพื้นที่ มารับซื้อกุ้งก้ามกรามจากเกษตรกรถึงที่ และมีการจับกุ้งจำหน่ายส่งให้กับลูกค้าทั่วภาคอีสาน ภาคกลางบางจังหวัด และ สปป.ลาว โดยราคาซื้อขายที่ปากบ่อ กิโลกรัมละ 250 บาท นำส่งลูกค้ากิโลกรัมละ 280-400 บาท ตามระยะทาง เนื่องจากต้องเติมน้ำมัน 2 ส่วน ทั้งน้ำมันรถยนต์และน้ำมันเครื่องทำออกซิเจนในถังกุ้งอีกด้วย แต่ล่าสุดสถานการณ์น้ำมันแพง ทำให้บรรยากาศการรับซื้อและขายกุ้งก้ามกรามกลับเงียบเงียบเหงาและซบเซาอีกครั้ง


นายแก้ว ภูดอนนาง อายุ 66 ปี พ่อค้าคนกลางขายกุ้งก้ามกรามและเป็นเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกราม บ้านตูม หมู่ 19 ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า การค้าขายกุ้งก้ามกรามในช่วงนี้ประสบปัญหามาก ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากสถานการณ์โควิด-19 ระบาดที่ยืดเยื้อมานานกว่า 2 ปี ทำให้แหล่งรับซื้อกุ้งสดทั่วไป เช่น ตลาดสด ร้านค้า ร้านอาหาร หรือจุดพักขายตามริมทาง ได้รับผลกระทบและเลิกกิจการไปหลายแห่ง ทั้งนี้ถึงแม้ปัจจุบันสถานการณ์โรคโควิด-19 จะผ่อนคลายและมีการเปิดเมือง เพื่อให้มีการค้าขายตามปกติ แต่ก็ประสบปัญหาน้ำมันแพง ค่าครองชีพสูง เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งต้องกลับมาประสบปัญหาอีกรอบ บางรายถึงกับยอมลดราคาลงเหลือกิโลกรัมละ 200 บาท ก็ยังขายไม่ได้ เนื่องจากไม่มีตลาดรับซื้อ ประชาชนไม่มีเงินและขาดกำลังซื้อ


ด้านนายปิยะ ลิขิตชีวิตตน อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 62 หมู่ 6 บ้านนาแก ต.นาเชือก อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นทั้งเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง เจ้าของร้านกุ้งสดและขายอาหารเมนูกุ้งก้ามกราม กล่าวว่า ผลกระทบจากภาวะราคาน้ำมันแพง ได้ส่งผลกระทบต่อเนื่องมาถึงธุรกิจกุ้งก้ามกรามเป็นอย่างมาก จากที่เคยมีการจับกุ้งจำหน่ายอย่างคึกคัก ในภาพรวมมีพ่อค้าคนกลางนำกุ้งไปจำหน่ายเฉลี่ยวันละ 2-3 ตัน หรือร้านของตนเคยจำหน่ายทั้งกุ้งสด และมีลูกค้าเข้าร้าน สั่งอาหารที่ทำจากเมนูกุ้งก้ามกรามวันละ 100 กิโลกรัม แต่ทุกวันนี้กลับเงียบเหงา บางวันขายไม่ได้แม่แต่กิโลฯเดียว
นายปิยะ กล่าวอีกว่า เมื่อบรรยากาศการจำหน่ายกุ้งก้ามกรามเปลี่ยนไป ไม่เป็นไปตามคาดหวังว่าจะขายดีช่วงสถานการณ์โควิดคลี่คลาย จึงทำให้กุ้งก้ามกรามของเกษตรกรตกค้างในบ่อเป็นจำนวนมาก เกิดภาวะปริมาณกุ้งในบ่อหนาแน่น และยังเสี่ยงต่อการน็อคตายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะวันใดที่อากาศวิปริต ดังนั้น จึงพบว่ามีเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งหลายราย ได้ผันตัวเองมาเป็นพ่อค้าขายกุ้งเสียเอง โดยให้ช่างประกอบถังบรรจุกุ้งและติดตั้งเครื่องทำออกซิเจนบนรถ เพื่อจับกุ้งที่หนาแน่นในบ่อไปเร่ขายตามหมู่บ้าน โดยยอมขายในราคาที่ต่ำกว่าราคาปกติ ที่ปากบ่อกิโลกรัมละ 250 บาท เป็นกิโลกรัมละ 200 บาทหรือต่ำกว่านั้น เพื่อลดความเสี่ยงกุ้งในบ่อน็อคตาย และพอที่จะมีรายได้เลี้ยงครอบครัว ในยุคค่าน้ำมันแพง ตลาดกุ้งซบเซาดังกล่าว

 

ในประเทศ

Related posts

404 Not Found
404
Sorry, the page you visited does not exist.
It may be that the access link is wrong or the file does not exist.