โลกโซเชียลแชร์ภาพคู่ชายหญิงขึ้นไปถ่ายภาพบนสิมเก่านับร้อยปี โดยได้ใส่รองเท้าขึ้นไป และได้ใช้เท้ายันกับผนัง โลกโซเชียลตั้งคำถามเหมาะสมหรือไม่ ด้านเจ้าอาวาส เตรียมเรียกประชุมคณะกรรมการวัดเพื่อสืบหาข้อเท็จจริง
16 เม.ย. 2565 ได้มีผู้ใช้เฟศบุ๊กชื่อว่า “ สุมาลี สุวรรณกร “ ได้โพสต์ภาพชายหญิงคู่หนึ่งได้ถ่ายรูปที่บริเวณสิม หรือโบสต์เก่าแก่ ที่วัดไชยศรี บ้านสาวถี ตำบลสาวถี อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ซึ่งภายในรูปดังกล่าวฝ่ายชายได้มีการแต่งตัวคล้ายคนโบราณพร้อมกับใช้เท้าข้างขวายันและพิงเข้ากับผนังของสิม ขณะที่ฝ่ายหญิงได้ใส่รองเท้าขึ้นมา โดยปกติแล้วสิมเก่าแก่แห่งนี้จะไม่อนุญาตให้สวมรองเท้าขึ้น และไม่อนุญาตให้ผู้หญิงขึ้นมาบริเวณด้านบน
โดยเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา ที่วัดไชยศรี ก็ได้มีการจัดกิจกรรมทำบุญเสียเคราะห์ หรือ พิธีสะเดาะเคราะห์ ที่สืบทอดกันมานับร้อยปี ตามความเชื่อของชาวบ้านที่ว่า การเสียเคราะห์ จะทำให้เคราะห์ที่ไม่ดี หรือสิ่งที่ไม่เป็นมงคลในชีวิตสูญสลายไป และได้ร่วมกันทำนุบำรุงสิมวัดไชยศรี ซึ่งเป็นโบสถ์อีสานโบราณอายุมากกว่า 100 ปี เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าของชุมชน
จากการตรวจสอบไปยัง วัดไชยศรี บ้านสาวถี ตำบลสาวถี อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น และได้พบกับพระครูบุญชยากร เจ้าอาวาสวัดไชยศรี เพื่อสอบถามเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ด้านเจ้าอาวาสก็ได้มีการเผยว่า ทางวัดพึ่งเห็นรูปดังกล่าว และจะได้มีการเรียกประชุมคณะกรรมการวัดเพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เนื่องจากทางวัดไม่รู้ว่าเจตนาของคนที่แชร์รูปออกไปคืออะไร เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยมีคนมาขอถ่ายรูปลักษณะนี้เช่นกันแต่มีการขออนุญาตก่อน
แต่ภาพดังกล่าวที่มีการแชร์ออกไป ยังไม่มีการขออนุญาตของทางวัดซึ่งเป็นการแอบเข้ามาภายในวัดและถ่ายรูปดังกล่าวโดยไม่ปฏิบัติตามกฏของทางวัด ซึ่งบริเวณขั้นบันใดทางขึ้นสิมก็มีการเขียนป้ายไว้ชัดเจนว่าห้ามผู้หญิงขึ้นมาบริเวณสิม ถ้าเกิดมีการขออนุญาตทางวัดก็จะได้มีการอำนวยความสะดวก รวมถึงชี้แจงกฏข้อห้ามต่าง ๆ เพื่อที่จะทำให้สามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง และภาพที่มีการแชร์ไปนั้นคาดว่าจะไม่ใช่ช่วงสงกรานต์ เพราะว่าถ้าเป็นช่วงสงกรานต์ ทางวัดจะเปิดประตูสิมไว้ อาจจะเป็นรูปถ่ายที่ผ่านมานานแล้ว
ทั้งทางวัดจะยังไม่มีการชี้แจงอะไรเนื่องจากช่วงนี้ยังเป็นเทศกาลงานบุญ ไม่อยากให้มีเรื่องดราม่าเกิดขึ้น ภายหลังจากเทศกาลสงกรานต์ ทางวัดก็จะได้มีการเรียกประชุมคณะกรรมการวัดอีกครั้ง เพื่อหาแนวทางในการดำเนินการต่อ แต่อาจจะเป็นการเรียกคุยเพื่อถามจุดประสงค์ของการถ่ายภาพดังกล่าว และจะได้ชี้แจงกับทางเจ้าของภาพเพื่อให้ทำความเข้าใจกับประเพณีที่ชาวปฏิบัติสืบต่อกันมา