ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ นำทีมเหล่ากาชาดจังหวัด และส่วนราชการ ลงพื้นที่อำเภอหนองกุงศรี เพื่อติดตามเหตุวาตภัย บ้านพัง 63 หลังคาเรือน 2 ตำบล 9 หมู่บ้าน พร้อมสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดูแลให้การช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนโดยด่วน
ที่บ้านโคกเจริญ หมู่ที่ 10 ต.หนองกุงศรี อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยคณะกรรมการเหล่ากาชาด จ.กาฬสินธุ์ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.กาฬสินธุ์ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์และให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุวาตภัย พายุฤดูร้อน พัดบ้านเรือนได้รับความเสียหายหลายหลังคาเรือน โดยมีนายจารุวัฒน์ ภูแก้ว นายอำเภอหนองกุงศรี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ นายกเทศบาลมนตรีตำบลคำก้าว กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่ ให้การต้อนรับและรายงานสถานการณ์
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2565 เวลาประมาณ 21.00 น. ได้เกิดพายุฤดูร้อนฝนตกหนักและมีลมกระโชกแรงภายในเขตพื้นที่ อ.หนองกุงศรี เบื้องต้นมีบ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหาย 2 ตำบล 9 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อนบ้านพังเสียหาย จำนวน 63 ครัวเรือน และเสาไฟฟ้า จำนวน 5 ต้น
นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์กล่าวว่า หลังจากได้รับรายงานการเกิดเหตุวาตภัยในพื้นที่ อ.หนองกุงศรี จึงได้เร่งเดินทางมาติดตามสถานการณ์ และต้องการมาให้กำลังใจกับพี่น้องประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุวาตภัยในครั้งนี้ โดยนำทีมเหล่ากาชาด จ.กาฬสินธุ์ มามอบถุงยังชีพเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ และมอบเงินช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น พร้อมทั้งได้สั่งการให้ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บูรณาการในการทำงาน เพื่อเร่งสำรวจความเสียหาย ทั้งในส่วนของบ้านเรือน พื้นที่การเกษตร รวมทั้งสาธารณูปโภคต่างๆในชุมชน และวางแผนในการช่วยซ่อมแซมบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับผลกระทบในทันที เพื่อให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติโดยเร็ว
อย่างไรก็ตามได้มีการสั่งการให้ทั้ง 18 อำเภอเฝ้าระวังปัญหาวาตภัยในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เป็นภัยทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นและเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกปี ขอให้ประชาชนติดตามข่าวพยากรณ์อากาศจากสถานีอุตุนิยมวิทยา เลี่ยงอยู่ในพื้นที่เสี่ยงหากมีพายุ ลมกรรโชกแรง หรือท้องฟ้าคะนอง โดยในปี 2565 เกิดพายุแล้ว 2 ครั้ง พื้นที่เสียหายใน 3 อำเภอ บ้านพังเสียหายแล้วกว่า 180 ครัวเรือน