ประวัติของหลวงปู่สุขโดยสังเขปนะครับ ท่านเกิด วันอาทิตย์ ที่ 6 พ.ย.2475 ปีจอ อายุปัจจุบัน 91 ปี บิดาชื่อนายบุญมา ลาเทิง มารดาชื่อนางกองศรี ลาเทิง บ้านนาเพียง ต.ไชยบุรี อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม
หลวงปู่เล่าให้ฟังว่า สมัยเป็นเด็ก ประมาณ 10ขวบ เห็นทหารเดินเต็มหมู่บ้าน เพราะอยู่ในช่วงสงครามเวียดนาม ทหารอาสาจึงเต็มไปหมดไปจนถึงบ้านท่าดอกแก้ว ซึ่งเป็นเขตที่หลวงปู่กับพ่อใช้สัญจรไปมาตลอดซึ่งเป็นเขตเลียบแม่น่ำโขง ที่หลวงปู่ชอบไปลงหาปลากับพ่อเป็นประจำที่แม่ย้ำโขง แถมยังเห็นทหารไปกราบหลวงปู่สนธิ์ วัดท่าดอกแก้ว หลวงปู่จึงเกิดความสงสัยว่าทำไมมีแต่ทหารเข้าไปกราบหลวงปู่สนธิ์ จึงได้พยายามเข้าไปแองดู จนในที่สุดจึงได้ฝากตัวและบวชเณรอยู่กับหลวงปู่สนธิ์ระหนึ่ง สามเณรบุญสุข ณ ขณะนั้นได้ตั้งใจเล่าเรียนสิ่งที่หลวงปู่สนธิ์ ได้แก่ การรักษาคนผีเข้า เจ้าทรง ไสยศาสตร์ มนต์ดำ รวมทั้งสามเณรบุญสุขขณะนั้น ยังคอยช่วยหลวงปู่สนธิ์ ยังได้ฝึกเรียนทำตะกรุดโทน เก้าแป้ เก้าหย้อ ที่เลื่องชื่อ เป็นตะกรุดที่ท่านหลวงปู่สนธิ์สร้างขึ้น ซึ่งในสมัยนั้นทหารที่จะไปสงครามต้องมากราบและขอของดีจากหลวงปู่สนธิ์ก่อนเสมอเพราะเชื่อในเรื่องแคล้วคลาด คงกระพัน เพราะมีทหารที่บอกต่อๆกันไม่น้อย ว่ามีประสบการณ์ ในเรื่องปืนยิ่งไม่ออก และยิ่งไม่เข้า จนครบ5ปี สามเณรจึงกราบลาหลวงปู่และออกมาดำเนินชีวิตกับครอบครัวที่บ้าน
การศึกษาพระธรรมวินัยของหลวงปู่สุขนั้น ท่านได้เล่าว่า ครั้งเมื่อบวชในพรรษาปัจจุบัน เมื่อปี 2550 ได้มีโอกาสไปศึกษาและเรียนอยู่สำนักปฏิบัติธรรมวัดปากน้ำ อยู่ 8 พรรษา ซึ่งในขณะนั้นได้ก็ๆด้พักอยู่ที่วัดคลองตาข่าย จ.นนทบุรี ชาวบ้านแถวนั้นทราบข่าวว่ามีพระ อายุ เกือบ100ปี มาพักที่วัด จึงมีกราบและขอให้หลวงปู่ทำน้ำมนต์ เพื่อเอาไว้อาบ ไว้ล้างหน้า
จากการบอกเล่าของหลวงปู่ ครั้งเมื่ออยู่วัดคลองตาข่าย จ.นนทบุรี มีคนพาคนมีอาการคล้ายผีเข้า หนาวสั่นพูดจาไม่รู้เรื่องไม่เป็นภาษาที่คนทั่วไปเขาฟังกันได้ มาให้หลวงปู่ช่วยดู ท่านก็รู้ทันทีว่าเกิดอะไรจึงได้ช่วยเหลือ จนสักพักคนที่มีอาการก็กลับลุกไปอยากคนปกติทั่วไป จึงเป็นการบอกต่อๆกันไปจนทั่วจังหวัด และมีผู้คนมากมาย รวมทั้งดารานักแสดงในพื้นที่ก็แวะเวียนมากราบมาขอความเมตตาจากหลวงปู่อยู่เสมอ
จวบจนปี 2560 หลวงปู่อายุมากขึ้นจะ 90 ปีแล้ว จึงได้ลาเจ้าอาวาสวัดคลองตาข่าย และกลับมาจำพรรษาที่วัดบ้านเกิด ณ วัดไชยสำราญ อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ซึ่งภายในวัดยังมี #โบสถ์มหาอุตม์ ซึ่งหลวงปู่ได้เป็นผู้พาชาวบ้านสร้างไว้เอง ซึ่งท่านเชื่อตามคำบอกของครูบาอาจารย์ เพราะเชื่อว่าโบสถ์ที่มีลักษณะนี้ เวลาทำพิธีใดๆก็ตามเป็นการทำให้ขลัง เพื่อเป็นสถานที่ถ่ายทอดหรือปลุกเสกเครื่องรางของขลัง ไม่ให้มนต์คาถาหรือวิชานั้นรั่วไหลออกไป
