ศาลจังหวัดมุกดาหาร นัดฝ่ายโจทย์ และฝ่ายจำเลย ตรวจพยานหลักฐาน คดีน้องชมพู่ โดยพยานทั้ง 2 ฝ่ายมีประมาณ 86 ปาก ฝ่ายจำเลยคือลุงพลถอดถอนทนายชุดเก่า แต่งตั้งชุดใหม่แล้ว ยืนยันพร้อมสู้คดี ส่วนแม่ชมพู่ลั่นไม่สนเรื่องเงิน ขอสู้เต็มที่และเชื่อมั่นในพยานหลักฐาน
เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2565 นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา พร้อมด้วย นายอนามัย วงศ์ศรีชา พ่อและแม่น้องชมพู่ โดยทั้งฝ่ายโจทย์ และจำเลย มีพยานประมาณ 86 ปาก ส่วนฝ่ายจำเลย นายไชย์พล วิภา พร้อมด้วย นางสาวสมพร หลาบโพธิ์ พร้อมด้วยนายสุรชัย ชินชัย ทนายความชุดใหม่ ได้เดินทางมาที่ศาลจังหวัดมุกดาหาร เพื่อตรวจพยานหลักฐานในคดีการเสียชีวิตของเด็กหญิง อรวรรณ วงศ์ศรีชา หรือน้องชมพู่ ที่หายออกจากบ้านพักบ้านกกกอก ตั้งแต่ 11 พ.ค. 2563 และมีชาวบ้านพบศพเสียชีวิตบนภูเหล็กไฟวันที่ 14 พ.ค. 2563 ที่ผ่านมา
โดยช่วงเช้าที่ผ่านมานายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล ,นางสาวสมพร หลาบโพธิ์ หรือ ป้าแต๋น พร้อมด้วย นายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ เดินทางมาที่ศาลจังหวัดมุกดาหาร เพราะวันนี้ศาลนัดฝ่ายโจทก์ และฝ่ายจำเลย มาตรวจพยานหลักฐานคดีการเสียชีวิตของ “น้องชมพู่” เป็นนัดที่สอง ซึ่งเป็นการเผชิญหน้ากันอีกครั้งระหว่างฝ่ายจำเลย คือ ลุงพล และฝ่ายโจทก์ คือ นางสาวิตรี และ นายอนามัย วงศ์ศรีชา พ่อแม่ของน้องชมพู่ ที่เดินทางมาพร้อมกับนายสากล ไกรษร ทนายความ เมื่อทั้งลุงพลและแม่น้องชมพู่เดินทางมาถึงศาล ก็รีบเข้าไปด้านใน โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน
ระหว่างที่ศาลนัดตรวจพยานคดี “น้องชมพู่” ทนายรัชพล เดินออกมาและมาให้สัมภาษณ์ เผยศาลสั่งถอนทีมทนายชุดเก่าที่ช่วยว่าความให้ลุงพลแล้ว ขณะที่ลุงพลกับป้าแต๋น ก็ยื่นแต่งตั้งทนายชุดใหม่ ยังไม่ทราบจำนวนที่แน่นอน แต่หนึ่งในนั้นมีนายสุรชัย ชินชัย ทนายความคนใหม่
นายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ ตัดพ้อไม่เข้าใจลุงพลและป้าแต๋น ก่อนหน้านี้เคยบอกแล้วว่า ถ้าจะถอดถอนทนายสามารถยื่นดำเนินการเองได้เลย โดยที่ไม่ต้องให้ทนายชุดเก่ามา ชี้ที่มาวันนี้มาตามหน้าที่ เพราะฝ่ายป้าแต๋นยังไม่มาแต่งตั้งทนายชุดใหม่ ถ้าไม่มาก็ถือว่าผิดมรรยาททนายความ แต่กลายเป็นว่ามาช่วยว่าความวันนี้ กลับถูกถอดถอนในศาล และแต่งตั้งทนายใหม่ทันที ส่วนตัวคาดอีกฝ่ายเข้าใจคลาดเคลื่อน
ด้านนางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่ของน้องชมพู่ บอกกับผุ้สื่อข่าว ชี้ไม่หวั่นที่อีกฝ่ายแต่งตั้งทนายความชุดใหม่ ส่วนที่มีกระแสโซเชียลสมมติว่าหากอีกฝ่ายยื่นเงินให้เพื่อจบคดีจะยอมไหม เหมือนกรณีคดีดาราดัง แม่บอกว่า เงินหาเองได้ ที่ผ่านมาก็หาเองตลอด แต่ลูกเสียชีวิตทั้งคน เป็นแก้วตาดวงใจ ยอมไม่ได้ ต้องทวงคืนความยุติธรรมให้น้องชมพู่ ลั่นเอาผิดคนทำให้ลูกตายถึงที่สุด
แม่น้องชมพู่ยังเผยอีกว่า เมื่อวานทำบุญวันเกิดให้น้องชมพู่ครบรอบ 5 ปี ทำให้โล่งใจสบายใจขึ้น และมีความรู้สึกเหมือนน้องชมพู่มาอยู่ด้วย แล้วได้กลับบ้านมาหาพ่อแม่
ขณะที่ศาลจังหวัดมุกดาหารได้ตรวจพยานฝ่ายโจทก์ ประกอบด้วยอัยการจังหวัดมุกดาหาร และตำรวจ เบื้องต้นพบฝ่ายโจทก์มีพยานทั้งหมดประมาณ 62 ปาก ส่วนฝ่ายจำเลยมีพยานประมาณ 24 ปาก ซึ่งยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ
ด้านนายไชยพล วิภา หรือลุงพล เปิดตัวทนายชุดใหม่และให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวว่า ชี้เป็นคณะทนายความจากสำนักกฎหมาย ธรรมรังสี นำโดยนายสุรชัย ชินชัย เชื่อมั่นในทีมทนายความชุดใหม่ ลั่นขอโทษทีมทนายชุดเก่าที่ตัดพ้อน้อยใจตนก่อนหน้านี้ ยันทำเต็มที่แล้ว และขอขอบคุณทั้งทนายษิทรา ทนายรัชพล และทนายอาคม ที่ช่วยว่าความคดีให้เขาที่ผ่านมา ต่อจากนี้จะลุยทวงความยุติธรรมต่อว่าไม่ใช่ผู้ต้องหาในคดี
ขณะที่นายสุรชัย ชินชัย หัวหน้าทีมทนายความชุดใหม่ เชื่อลุงพลและป้าแต๋นเป็นผู้บริสุทธิ์ สันนิษฐานน้องชมพู่เดินหลงป่าก่อนพบเป็นศพ โดยลุงพลไม่มีส่วนเอี่ยวการเสียชีวิต ชี้ไม่หวั่นกระแสโซเชียลวิพากษ์วิจารณ์ ยันช่วยว่าความตรงไปตรงมาตามหลักฐานที่พบ
นายสุรชัย ชินชัย หัวหน้าทีมทนายความชุดใหม่ กล่าวต่ออีกว่า วันนี้ได้ประกบพยานกัน ส่วนใหญ่พยานโจทก์ก็เป็นพยานแวดล้อม ก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุ และขณะพบศพ ส่วนแนวทางการต่อสู้ของจำเลย นอกจากจะต่อสู้แบบคดีอาญาทั่วไป ต่อสู้ในข้อเท็จจริง ตอนน้อยหาย เราอ้างที่อยู่ เรามีพยานบุคคลพบเห็นเรา ช่วงวันที่ 11-12-13 และ 14 เรามีประจักรพยานที่อ้างอิงได้ คือข้อเท็จจริงที่สู้ในฐานที่อยู่ และจะสู้เรื่องข้อกฎหมาย คือการได้มาซึ่งพยานหลักฐานที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และการสอบสวนในข้อกฏหมายที่เราต่อสู้ไว้ คดีนี้เป็นคดีพิเศษคือ ไม่มีประจักรพยาน เราทำลายล้างนิติวิทยาศาสตร์ของฝ่ายโจทก์ด้วย ก็เป็นข้อต่อสู้ของจำเลยทั้ง 2 คน เอามาต่อสู้หักล้างพยานโจทก์
ส่วนพยานนิติวิทยาศาสตร์ที่แยกได้มี 2 ประเด็นคือ ประเด็นเกี่ยวกับเครื่องซินโคตรอน เป็นเครื่องมือขยาย เพื่อให้ทราบถึงวัตถุตรวจสอบว่าเป็นของใคร ส่วนเส้นผมที่พบในรถยนต์ของจำเลยมาได้อย่างไร แล้วจะมีวิธีเชื่อมต่อกันอย่างไร อันนั้นเป็นข้อเท็จจริงที่ต้องหักล้าง
นอกจากนี้การตรวจพิสูจน์ศพ ชัดเจนว่าน้องชมพู่ไม่ได้ถูกทำร้าย ไม่มีร่องรอยถูกทำร้ายร่างกาย ไม่มีบาดแผลขีดข่วน ตามสภาพของการเดินป่า นอกจากนี้ไม่มี DNA ของฝ่ายจำเลยในการชันสูจน์ศพน้องชมพู่ การที่ฆาตรกรจะทำร้ายคน โดยหลักแล้วจะต้องมีความแค้นส่วนตัว โกรธแค้นหลัก ๆ มี 3 อย่าง ที่จะฆ่ากันได้ คือ แย่งที่ดิน แย่งสังวาสคือรักกัน ชอบกันทางเพศ และแค้นบารมี ผู้ตายเขาเป็นเด็ก จำเลยทั้ง 2 เป็นลุงกับป้า ทั้ง 3 ข้อนี้ไม่น่าจะมีเจตนา ไม่มีในจิตใจของจำเลยทั้ง 2 คน ไม่มีเหตุจูงใจ 3 ข้อนี้เลย วิเคราะห์แล้วไม่ได้ประโยชน์อะไร ก็เลยนำเสนอต่อศาลอีกทางหนึ่ง เป็นไปได้คือน้องเดินหลงป่าเอง โดยมีหมานำหน้าไป คือหมาปลาส้ม ซึ่งลักษณะเช่นนี้ไม่ใช่ว่ามีเกิดขึ้นแต่น้องคนเดียว เกิดขึ้นหลายเคส อายุก็ไล่ ๆ กัน เดินหลงป่าไปโดยมีสุนัขนำทางก็มี ก็เกิดขึ้นในสภาพป่า ไม่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เกิดขึ้นมาแล้วแต่น้องกลับไม่ได้ในเวลา 2-3 วัน เพราะว่าภูมิประเทศ หรือการหลงป่าเที่ยวนั้นไม่มีน้ำ อาหารประทังชีวิตได้ แต่ภูเหล็กไฟไม่มีแหล่งน้ำ บางอย่างเป็นไปได้ ทำให้น้องเดินหลงป่าตามสุนัข เสร็จแล้วน้องหาทางกลับบ้านไม่ได้ แล้วในสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิต เชื่อว่าเป็นไปได้ น้องหายไป 4 วัน คาดคะเณย์ว่าเสียชีวิตวันที่ 13 ก็แสดงว่าต้องเดินหลงป่าไปอย่างน้อย 24-36 ชั่วโมง นี่เป็นการเปิดทางกว้างว่า เป็นการต่อสู้เรื่องเด็กหลงป่าโดยมีสุนัขนำทาง .. .. นายสุรชัย ชินชัย หัวหน้าทีมทนายความชุดใหม่ กล่าว.
ในส่วนนัดสืบพยานคดีน้องชมพู่ วันที่ 30 มิถุนายน และ 1 กรกฎาคม พบฝ่ายโจทก์มีพยานทั้งหมดประมาณ 60 ปาก ส่วนฝ่ายจำเลยมีพยานทั้งหมด 29 ปาก
อนุศักดิ์ – เสาวภา แสนวิเศษ // มุกดาหาร