เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดอุบสราชธานีได้พ้นจากตำแหน่งตามวาระ 2 ปี นั้น คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดอุบลราชธานี ในการประชุมครั้งที่ 2/2565 เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565 จึงประกาศดำเนินการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดอุบลราชธานี “กศจ.” จำนวนไม่เกิน 6 คน ซึ่งต้องมีผู้แทนองค์กรภาคเอกชน ผู้แทนองค์กรวิซาชีพ และ ผู้แทนภาคประชาชนประกอบด้วย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ผู้แทนองค์กรภาคเอกชน) จำนวน 1 คน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ผู้แทนองค์กรวิชาชีพ)จำนวน 1 คน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ผู้แทนภาคประชาชน)จำนวน 1 คน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ทั่วไป)จำนวน 3 คน โดยมีผู้มายื่นสมัครจำนวน 31 คน
รายงานข่าวแจ้งว่าหลังจากการปิดรับสมัคร มีการวิพากษ์ วิจารณ์ กันอย่างแพร่หลาย เกี่ยวกับ ผู้สมัครบางรายรวมถึงการยื่นฟ้องต่อศาลแขวงจังหวัดอุบลราชธานี ระบุถึงผู้สมัครบางรายขาดคุณสมบัติในการสมัครและมีผู้สมัครอีกหลายรายมีพฤตินัย/พฤติกรรมการเสื่อมเสียทางจริยธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เช่นผู้สมัครบางรายพัวพันการทุจริตและมีคดีฟ้องร้องหลายศาล,เป็น กปจ/อกคศ สพป.พัวพันการเรียกรับเงิน การย้ายข้าราชการครู, บางรายถูกตั้งกรรมการสอบสวน ขายวัว ขายรั่วโรงเรียน ถูกดำเนินคดี ,แจ้งเอกสารอันเป็นเท็จ ในการสมัคร กศจ,เคยถูกตั้งกรรมการสอบ แบ่งจัดซื้อจัดจ้างโดมโรงเรียน,ถูกฟ้องอาญาคดีทุจริตภาค 3 เหตุรับรองเอกสารอันเป็นเท็จ,บางรายถูก จำคุก 2 ปี รอลงอาญา ,บางรายอ่านผลงานทางวิชาการไม่ชอบ ยอมชดใช้ค่าเสียหายให้กับ ครูทำบันทึกตกลงยอมความเป็นเงิน 400,000 บาท ,นักเรียนชูป้ายขับไล่ไม่บริหารจัดการโรงเรียน ตีกอล์ฟ อย่างเดียว ,บางรายถูก สพฐ ตั้งกรรมการรับผิดทางละเมิด เหตุนักเรียนหญิงถูกฆ่าข่มขื่นที่โรงเรียน, ปปช.แจ้งข้อกล่าวหา ห้อง E-Classroom ห้องเรียน,บางรายพัวพันคดีการก่อสร้างสนามฟุตซอล สพป.อบ 3, เป็น อ.ก.ค.ศ.เขต พัวพันการเรียกรับเงิน การย้ายข้าราชการครู สพป.อบ ในจังหวัดอุบล ,พัวพันการเรียกรับเงิน การย้ายข้าราชการครูร่วมกับ อ.ก.ค.,บางรายเป็นกศจ.มาแล้ว 2 วาระ อาจจะขาดคุณสมบัติ , และผู้สมัครบางรายขาดคุณสมบัติอายุเกิน 70 ปี
ด้านนายวิบูลย์ กุลวงศ์ ประธานชมรมพิทักษ์ระบบคุณธรรมและสิทธิครูจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า อยากกราบเรียนไปยังคณะกรรมการสรรหา ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีเป็นประธานได้กรุณาตรวจสอบ.เกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม การได้มาและการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน กศจ. ที่บัญญัติว่า”บุคคลผู้สมควรได้รับการสรรหาให้เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ใน กศจ.ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามเคยมีประวัติเสื่อมเสียทางจริยธรรม จรรยาบรรณ และการประกอบอาชีพจะต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม 3 ประการประกอบด้วย 1.ต้องเป็นผู้ได้รับการยอมรับในเรื่องความซื่อสัตย์ ความยุติธรรม” นั้น ซึ่งสามารถพิจารณาได้ทั้งการกระทำทาง “นิตินัย” และทาง “พฤตินัย” 2.ไม่เคยมีประวัติเสื่อมเสียทางจริยธรรม” หมายความว่า ไม่เคยมีพฤติกรรมแห่งการกระทำที่เสื่อมเสียทางจริยธรรมอยู่เลย ซึ่งประวัติเช่นว่านี้อาจเป็นหลักฐานของทางราชการก็ได้ เช่น คำพิพากษาของศาล หลักฐานการถูกแจ้งความร้องทุกข์ หรือหลักฐานแวดล้อมอื่นที่เชื่อได้ว่าบุคคลนั้นมีประวัติเสื่อมเสียทางจริยธรรมและ 3 กรณีเป็นข้าราชการที่ถูกลงโทษทางวินัย แต่ได้รับการล้างมลทิน ก็ถือเป็นผู้เคยมีประวัติเสื่อมเสียทางจริยธรรมเช่นเดียวกัน สรุป คณะกรรมการที่มีหน้าที่สรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ใน กศจ.ต้องคำนึงถึงวัตถุประสงค์ในเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ คำวินิจฉัยของ ก.ค.ศ. เกี่ยวกับข้อกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามการเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ใน กศจ.ก็ดี อนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ใน กศจ.ก็ดี ต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามคำวินิจฉัยของ ก.ค.ศ.ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของชาติต่อไป
เรื่อง/ภาพ : (วิชิต) วัชรพล มีสวัสดิ์ ผู้สื่อข่าวอุบลราชธานี รายงาน