วันที่ 7 ก.พ.65 จากกรณีที่เมื่อ วันที่ 5 ม.ค.65 มีโจรใจบาปขโมยรูปปั้นปุงเถ่ากง – ม่า 2 รูป หายไปจากหิ้งบูชา บริเวณศาลเจ้าพ่อหมื่นนครพนม ถนนสุนทรวิจิตร เขตเทศบาลเมืองนครพนม รูปปั้นปุงเถ่ากง – ม่า ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของชาวไทยเชื้อสายจีน ในจังหวัดนครพนม มีอายุประมาณ 70 ปี ซึ่งประดิษฐานอยู่ในที่ดังกล่าว รูปปั้นปุงเถ่ากง – ม่า เป็นที่เคารพสักการะของชาวนครพนม ซึ่งศาลเจ้าพ่อหมื่นตั้งอยู่บริเวณเดียวกันกับ วัดโอกาส เป็นอีกวัดหนึ่งที่สำคัญของจังหวัดนครพนม ตั้งอยู่ถนนสุนทรวิจิตร บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง โดยมีชุมชนชาวไทยเชื้อสายจีน ชาวไทยเชื้อสายเวียดนาม อาศัยอยู่รวมกัน ด้านหน้าของวัดโอกาสเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าพ่อหมื่นนครพนม ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่ประชาชนในชุมชนนับถือ เคารพสักการะบูชา มานานแล้ว
ต่อมาผู้ต้องหาทนแรงกดดันจากชาวบ้านไม่ไหว จึงได้นำวัตถุที่ได้ขโมยไปมาส่งคืน ตามจุดต่าง ๆ ที่ขโมยไป เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 65 โดย พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผบก.ภ.จว.นครพนม ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ฉกาจ เทียมวงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.นครพนม พ.ต.อ.ณัฎฐวิชฌ์ ราชแก้ว ผกก.สภ.เมืองนครพนม พ.ต.อ.กฤติน กอร์ปกุลหิรัญ ผกก.สืบสวน ภ.จว.นครพนม พ.ต.ท.ธนชิต สุขพัฒนานรากุล ผกก.สส.สภ.เมืองนครพนม พ.ต.ท.ประสพโชค แตงทา รอง ผกก.สส.ภ.จว.นครพนม ออกทำการสืบสวนหาตัวผู้ต้องหา เมื่อวันที่ 6 ก.พ. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครพนม ประกอบด้วย พ.ต.ต.เชาวลิต ธีมานนนท์ สว.สส.สภ.เมืองนครพนม พ.ต.ต.ศรพิทักษ์ หงษาชุม สว.สส.ภ.จว.นครพนม ได้ทำการจับกุมตัว ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนครพนม ลงวันที่ 4 ก.พ.65 คือ นายศุภมิตร จันทรเสนา อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/23 ม.1 ต.บางม่วง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา กับ นางสาวพิณรัตน์ บริรักษ์ธนโชติ อายุ 45 ปี บ้านเลขที่ 85 ม.8 ต.สารภี อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี ที่บริเวณท่าเรือขวัญใจนาคา บ้านเสกโพธิ์ ต.บึงโขงหลง อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ จากนั้นนำตัวมาสอบสวน ที่ สภ.เมืองนครพนม
จากการสอบสวน นายศุภมิตร จันทรเสนา ผู้ต้องหา และนางสาวพิณรัตน์ หรือ อุ้ย บริรักษ์ธนโชติ์ ผู้ต้องหา ให้การว่า เมื่อวันที่ 4 ม.ค.65 เวลาประมาณ 15.30 น. ได้มีผู้ใช้ Facebook ว่า “องค์เณร บัลลังค์อวโลกิตเดศวร หรือ แก้วคำดำ” โทร.หานายศุภมิตรฯ โดยใช้ระบบ Messenger ว่า ให้ตนไปที่ศาลเจ้าพ่อสัมมะติ บริเวณ สามแยกท้ายเมือง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครพนม และสั่งให้ไปเอารูปปั้นช้าง 1 คู่, ม้า 1 คู่, ไก่ 1 คู่ เพื่อเอาไปทำความสะอาด นายศุภมิตรฯ และ นางสาวพิณรัตน์ฯ หลงเชื่อจึงได้ขับรถยนต์ส่วนตัว (รถยนต์ ยี่ห้อ Honda รุ่น CRV สีดำ ทะเบียน ญผ 3602 กทม.) เวลาประมาณ 15.45 น. มีชาวบ้านเห็นแต่ไม่มีผู้ใดทักท้วง) ไปที่ศาลเจ้าพ่อสัมมะติแล้วนายศุภมิตรฯ ได้ลงไปเอาของดังกล่าวมาใส่ไว้ในรถ จากนั้นเวลาประมาณ 16.00 น. ของวันเดียวกัน ผู้ใช้ Facebook ดังกล่าว ซึ่งยังไม่วางสายได้บอกให้ นายศุภมิตรฯ และ น.ส.พิณรัตน์ฯ ไปที่วัดมหาธาตุ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครพนม ไปเอาผ้าคลุมพระธาตุนครและสร้อยมุกสีชมพูที่คล้องข้อมือเจ้าแม่กวนอิม และเอารูปปั้นเสือขาว จำนวน 2 ตัว ที่ตั้งอยู่ทางเข้าพระธาตุนครเพื่อเอาไปทำความสะอาด และได้เอามาไว้ในรถ (ลักในขณะคุยโทรศัพท์ด้วย มีชาวบ้านเห็นแต่ไม่มีผู้ใดทักท้วง) จากนั้นในเวลาประมาณ 16.10 น. ของวันเดียวกัน ผู้ใช้ Facebook ดังกล่าวซึ่งยังไม่วางสาย หลังจากนั้น สั่งให้ ผู้ต้องหา 2 ราย ไปที่ศาลเจ้าพ่อหมื่นเอารูปปั้นปุงเถ่ากง- ม่า โดยแจ้งว่า จะมีการเปลี่ยนองค์ใหม่และให้นำไปทำความสะอาด ผู้ต้องหาทั้งสองคนเชื่อและเดินทางด้วยรถยนต์คันดังกล่าว เดินทางไปยังศาลเจ้าพ่อหมื่น โดยขณะนั้นมีชาวบ้านมาไหว้แต่ไม่มีผู้ใดทักท้วง ซึ่งเมื่อไปถึงพบว่า กระจกถูกถอดจากที่ตั้งแล้ว และพิงไว้กับผนังด้านข้างขวา ซึ่งผู้ต้องหาทั้งสองไม่ได้จับหรือแตะต้องกระจกแต่อย่างใด ผู้ต้องหาทั้งสองจึงได้เอารูปปั้นปุงเถ่ากง- ม่า แจกันดอกไม้ พร้อมนางรำ นำขึ้นรถไปด้วย โดยผู้ใช้ Facebook ดังกล่าว แจ้งว่า ใต้โต๊ะด้านขวาจะมีกล่องกระดาษมีพู่สีเหลืองบรรจุอยู่ เมื่อได้ตรวจดูพบว่า เป็นไปตามผู้ใช้ Facebook ดังกล่าว บอกทุกประการ จึงได้นำทุกอย่างที่กล่าวข้างต้นใส่ในกล่องขึ้นรถไปด้วย จากนั้นเวลาประมาณ 17.30 น. ของวันเดียวกัน ซึ่งเริ่มพลบค่ำ ผู้ต้องหาทั้งสองก็ได้นำสิ่งของที่ลักมาไปวางของบริเวณกองฟางบริเวณสนามหญ้า ลักษณะเป็นสวนผักริมโขง บ้านเมืองเก่า ต.ท่าค้อ อ.เมือง จ.นครพนม เพื่อจะทำความสะอาดของที่ได้มา และมีการกางเต้นท์นอนค้างคืน บริเวณดังกล่าว หลังจากนั้น ช่วงเวลาประมาณ 8.00 น. ของวันที่ 5 ม.ค. ผู้ต้องหาได้นำสิ่งของที่ลักมา เอามาทำความสะอาด โดยแล้วเสร็จประมาณ 10.30 น. ของวันเดียวกัน วันที่ 6 ม.ค. เวลาประมาณ 05.00 น.ย่าทองทิพย์ (นามสมมติ) (ซึ่งรู้จักกับตนช่วงสวดมนต์ข้ามปี 2565) ได้เข้ามาหาผู้ต้องหาทั้งสอง ที่บริเวณริมโขง บ้านเมืองเก่า ต.ท่าค้อ อ.เมืองนครพนม และบอกว่า Facebook ว่า “องค์เณร บัลลังค์อวโลกิตเดศวร หรือ แก้วคำดำ” เป็น Facebook ปลอม และเคยแอบอ้างเป็นตนเอง (ย่าทองทิพย์) ผู้ต้องหาทั้งสองตกใจ เวลาประมาณ 05.15 น. ของวันเดียวกัน ผู้ต้องหาทั้งสองจึงได้รับออกจากบ้านสวน นำเอารูปปั้นปุงเถ่า กง- ม่า ไปคืนไว้จุดเดิม แต่พบว่าประตูปิด จึงได้วางไว้ข้าง ๆ กำแพงและเอารูปปั้นช้าง 1 คู่, ม้า 1 คู่, ไก่ 1 คู่ ไปคืนไว้ที่ศาลเจ้าพ่อสัมมะติ ในช่วงสาย ๆ ของวันเดียวกัน และนำผ้าคลุมพระธาตุนคร สร้อยมุกสีชมพูที่คล้องมือเจ้าแม่กวนอิมตั้งอยู่ข้างประตูทางพระธาตุนคร วัดมหาธาตุ และเอารูปปั้นเสือขาว จำนวน 2 ตัว ไปคืนในเวลาช่วงสายของวันเดียวกัน และเอาพระพุทธรูป จำนวน 5 องค์ ซึ่งตั้งวางอยู่ในขั้นวางหลักเสาหลักเมือง ณ ศาลหลักเมืองไปคืน ในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน ทั้งนี้ได้จุดธูปขอขมา ขออโหสิกรรม ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ได้ล่วงเกินไป ด้วยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ โดยผู้ต้องทั้งสองอ้างว่า ไม่มีเจตนาที่จะลักขโมยแต่อย่างใดจริง
ทั้งนี้เหตุผลที่ผู้ต้องทั้งสอง เชื่อผู้ใช้ Facebook ว่า “องค์เณร บัลลังค์อวโลกิตเดศวร หรือ แก้วคำดำ” เพราะ Facebook ดังกล่าว เคยอ้างว่าเป็น “ย่าทองทิพย์” ซึ่งผู้ต้องหาทั้งสองมีความเชื่อด้วยความศรัทธาของ “ย่าทองทิพย์” อยู่แล้ว จึงได้หลงเชื่อในทุกสิ่ง
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 7 ก.พ.65 พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผบก.ภ.จว.นครพนม พ.ต.อ.ฉกาจ เทียมวงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.นครพนม พ.ต.อ.ณัฎฐวิชฌ์ ราชแก้ว ผกก.สภ.เมืองนครพนม พ.ต.อ.กฤติน กอร์ปกุลหิรัญ ผกก.สส.ภ.จว.นครพนม และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.จว.นครพนม นำผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ไปทำแผนตามจุดต่าง ๆ ดังกล่าว ครบทุกจุด
ข่าว/ภาพ ประทีป วชิระธัญญากุล นครพนม