ศรีสะเกษ-ประธานชมรมกีฬาอำเภอไพรบึง ผุดกิจกรรมแข่งขันฟุตบอล 7 คน คู่เปิดสนาม “ลาบยโสคัพ” ครั้งที่ 1

เมื่อเร็วๆนี้ ที่สนามฟุตบอลลาบยโสสเตเดี้ยม บ้านกันทก ต.สำโรงพลัน อ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ นายพงศ์ณพัช สุภาพ ประธานชมรมกีฬาอำเภอไพรบึง พร้อมด้วย นายวรินทร พงษ์วัน ปลัดอำเภอไพรบึง นายอรุณ ชื่นตา ข้าราชการบำนาญ อดีต ผอ.โรงเรียนกันทรอมวิทยาคม นายคำนึง ชมเมือง และนายสิทธิชัย ชมเมือง เจ้าของสนาม ร่วมกันจัดกิจกรรมการแข่งขันกีฬาฟุตบอล 7 คน “ลาบยโสคัพ” ครั้งที่ 1 พร้อมมอบถ้วยและเงินรางวัลแก่ทีมที่ชนะเลิศการแข่งขัน โดยมีนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ จำนวน 32 ทีม แบ่งเป็น 2 รุ่น คือ รุ่นประชาชนทั่วไป และรุ่นอาวุโสผลการแข่งขันปรากฏว่า ทีมที่คว้าแชมป์ชนะเลิศ รุ่นประชาชนทั่วไป ได้แก่ ทีมจินตนา ยางทอง และรุ่นอาวุโส ได้แก่ ทีมสิงห์เล็ก
นายสิทธิชัย กล่าวว่า ตนเรียบจบวิทยาศาสน์การกีฬา และมีความชอบด้านกีฬาฟุตบอลเป็นพิเศษ จึงได้เดินสายเตะบอลไปทั่วทุกภูมิภาค เพื่อสร้างความสัมพันธ์ไมไตรต่อเพื่อนนักกีฬา เป็นการสร้างเครือข่าย และมีแนวคิดอยากมีสนามเป็นของตนเอง เพื่อให้เด็กและเยาชนรวมถึงประชาชนทั่วไปได้ใช้เป็นพื้นที่ในการออกกำลังกาย ห่างไกลยาเสพติด จึงลองสร้างสนามฟุตบอลขนาดเล็กๆขึ้นมา โดยตั้งชื่อสนามว่า “สนามฟุตบอลลาบยโสสเตเดี้ยม” ขึ้น โดยเหตุผลที่ตั้งชื่อนี้เนื่องจากตนมีภรรยา เป็นชาว จ.ยโสธร และได้มาเปิดร้านขายลาบ-ก้อย ซึ่งเป็นอาหารอีสาน ชื่อร้านลาบยโส

ส่วนเหตุผลที่สร้างสนามฟุตบอลนี้ขึ้นมา เพื่ออยากจะสร้างนักเตะให้มีพื้นฐานทางด้านกีฬาให้สูงขึ้น เพื่อที่จะเติบโตก้าวสู่การแข่งขันในอนาคต จึงได้จัดกิจกรรมดังกล่าวนี้ขึ้นมา ซึ่งเป็นการแข่งขันรายการแรกรอบเปิดสนาม ทั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้คนในชุมชนและประชาชนทั่วไปมีพื้นที่ในการออกกำลังกาย และมีสนามฟุตบอลที่มีมาตรฐานอยู่ภายในชุมชนใกล้บ้าน และเป็นการห่างไกลยาเสพติด เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างชุมชนโดยใช้กีฬาเป็นสื่อ
ด้าน นายพงศ์ณพัช สุภาพ ประธานชมรมกีฬาอำเภอไพรบึง กล่าวว่า เป็นเจตนารมณ์ของเจ้าของสนามที่อยากจะส่งเสริมการกีฬาของอำเภอไพรบึง จึงได้จัดสร้างสนามและจัดการแข่งขันดังกล่าวขึ้น โดยมีเป้าหมายอยากสร้างคนไพรบึงให้ถึงโอลิมปิก ด้วยสนามแห่งนี้ ซึ่งอำเภอไพรบึง มีนักกีฬาที่ติดทีมชาติไทย หลายคน หลายชนิดกีฬา จึงเป็นจุดสร้างแรงบันดาลใจเพื่อพัฒนากีฬาของอำเภอไพรบึง เพื่อสร้างคนไพรบึงได้มีโอกาสในระดับประเทศ และระดับจังหวัดต่อไป.