จังหวัดนครพนม จัดพิธีมอบหนังสือพระราชทาน สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน ฯ เล่ม 42 ให้กับสถานศึกษา 132 แห่งในพื้นที่


วันที่ 17 ธันวาคม 2564 ที่ศาลาประชาคมยงใจยุทธ บริเวณศาลากลางจังหวัดนครพนม นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานพิธีมอบหนังสือพระราชทานสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เล่ม 42 ให้กับสถานศึกษาในพื้นที่จังหวัดนครนครพนม จำนวน 132 แห่ง เป็นโรงเรียนมัธยมศึกษา จำนวน 51 แห่งและโรงเรียนอนุบาล – มัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 81 แห่ง เพื่อให้นักเรียนได้ใช้ในการศึกษาและเข้าถึงสารานุกรมฯ ได้อย่างกว้างขวางและทั่วถึงตามพระราชปณิธาน โดยมีคณะหัวหน้าส่วนราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประกอบพิธี
นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ในการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสืบสาน รักษา ต่อยอด พระราชปณิธานในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ด้วยการนำเอาองค์ความรู้ที่แตกต่างกันตามหมวดสาขาวิชาต่าง ๆ ให้นักวิชาการ ผู้รู้ ช่วยกันเรียบเรียงในภาษาที่ง่าย เผยแพร่ไปสู่เด็ก เยาวชน และผู้ใหญ่ ในทุกจังหวัด ทำให้ทั้งผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์ เด็ก และเยาวชน ได้มีโอกาสในการที่จะแสวงหาองค์ความรู้ที่แตกต่างหลากหลาย ซึ่งจะเป็นพื้นฐานในการที่จะทำให้เด็กสามารถเติบใหญ่ และทำให้ผู้ใหญ่สามารถแนะนำลูกหลาน ให้มีความรู้และความเข้าใจในสิ่งต่าง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก และที่สำคัญที่สุด ทรงมีพระราชดำริให้จัดทำสารานุกรมในรูปแบบ E-Book ด้วย อันจะยิ่งทำให้สามารถทำให้เรื่องราวต่างๆ ในสารานุกรมสามารถแพร่กระจายไปสู่ประชาชนทุกวัยได้โดยง่าย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่พระราชทานให้กับพวกเราชาวไทย
สำหรับการจัดพิมพ์ในเล่ม 42 เป็นการจัดพิมพ์ต่อเนื่องจากที่ดำเนินการมาแล้ว ตั้งแต่รัชกาลก่อนและมาสำเร็จบริบูรณ์ในรัชกาลปัจจุบัน เป็นเล่มที่มีความพิเศษยิ่ง เนื่องจากเป็นหลักฐานยืนยันถึงพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงสืบสาน รักษา และต่อยอด พระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ให้ยั่งยืน โดยวันที่ 4 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมาได้เป็นผู้แทนจังหวัดเข้ารับมอบจากกระทรวงมหาดไทย และได้เชิญมามอบให้แก่โรงเรียนต่างๆ ในวันนี้ เพื่อให้เยาวชนและประชาชนทั่วไปได้มีโอกาสอ่าน ศึกษาหาความรู้จากหนังสือพระราชทานฯ ที่ได้รวบรวมความรู้แขนงต่าง ๆ และนำไปปรับใช้ในชีวิตสร้างประโยชน์ให้กับตนเอง ครอบครัว ตลอดจนสังคม และประเทศชาติต่อไป